เวิร์คช็อป 12 วันถ่ายภาพพระอาทิตย์เที่ยงคืนรอบๆประเทศไอซ์แลนด์ มีแนวโน้มที่จะขายออกเร็ว ๆ นี้
แผนการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ
สามารถจัดตามความต้องการได้เต็มที่
ทัวร์เริ่มจาก
Reykjavík, Iceland
Ending place
Reykjavík, Iceland
ที่มีอยู่:
พฤษภาคม. - กรกฎาคม.
คำอธิบาย แผนการเที่ยวรายวัน
วัน 1 - วันเดินทางมาถึงคุณจะเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเคฟราวิก (Keflavík) และเดินทางไปยังโรงแรมในเมืองเมืองเรคยาวิก (Reykjavík) ในช่วงเย็นคุณจะได้มายังล็อบบี้ของโรงแรมของคุณที่คุณจะได้พบกับเพื่อนร่วมเดินทางที่เหลือรวมทั้งไกด์ของคุณด้วย และคณะเดินทางจะได้ออกไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันในร้านอาหารตรงใจกลางเมือง เพื่อทำความรู้จักซึ่งกันและกัน และทำความคุ้นเคยกับตารางการเดินทางของคุณก่อนที่จะเดินทางกลับไปพักผ่อนยังที่พักในเมืองเรคยาวิก.
อ่านเพิ่ม
วัน 2 - หมู่บ้านชาวประมงที่มีเสน่ห์ในคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสการเดินทางของคุณจะเริ่มด้วยการเดินทางด้วยรถที่สะดวกสบายในเมืองเรคยาวิก และเดินทางตรงไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสที่งดงามในทางไอซ์แลนด์ตะวันตก คุณจะได้ใช้เวลาสองวันในพื้นที่ที่จะสร้างแรงบันดาลใจนี้ที่อยู่ระหว่างทางเหนือและทางใต้ของคาบสมุทรนี้.
เราจะได้ถ่ายภาพการก่อตัวของหินผาชันและแนวหินบะซอลต์ในชายฝั่งของอาร์นาร์สตาปิ (Arnarstapi) ที่เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีคลื่นของมหาสมุทรทำให้เกิดการทำงานร่วมกันที่ดีกับแสงทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน.
คุณจะได้ตื่นตากับทุ่งลาวาขนาดใหญ่และบริเวณที่มีลมพัดแรงที่หมู่บ้านปูดิร์ (Búðir) ที่งดงามและมีธารน้ำแข็งสไนล์เฟลส์โจกุล (Snæfellsjokull) เป็นฉากหลังให้กับบริเวณนี้ที่มีโบสถ์เป็นฉากหน้า.
มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติจำนวนมากและและทิวทัศน์ที่พิเศษทั่วทั้งสไนล์แฟลซเนสที่ในบางครั้งอาจถูกกล่าวว่าเป็น "ประเทศไอซ์แลนด์ย่อส่วน" ที่พักของคุณในคืนนี้จะอยู่ในบริเวณคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส.
อ่านเพิ่ม
วัน 3 - ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติในคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสวันนี้คุณจะได้ทำการสำรวจที่น่าทึ่งในการค้นพบสไนล์แฟลซเนส และถ่ายภาพความงามอันโดดเด่นของแนวชายฝั่งซึ่งเป็นจุดที่มีหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากหมู่เกาะฟยอร์ดอันเขียวชอุ่มและภูเขาสูงชัน.
คุณจะได้ท่องเที่ยวชมโลนตรังการ์ (Lóndrangar) ที่เป็นชื่อของสองหินบะซอลต์ภูเขาไฟโบราณที่โผล่ขึ้นมาจากมหาสมุทรตามแนวชายฝั่ง รูปร่างที่ไม่ปกตินี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในการทำรังของนกทุกชนิดและมีความสวยงามที่โดดเด่น ทำให้ได้โอกาสในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม.
เนื่องจากช่วงเวลาที่สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้เรามีโอกาสมากมายในการถ่ายภาพภูเขาที่มีชื่อเสียงที่ชื่อว่า ภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) ในฝั่งทางเหนือของสไนล์แฟลซเนส ภูเขาเคิร์คจูแฟสเป็นหนึ่งในภูเขาที่สวยที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ที่มีรูปร่างคล้ายกรวยและเนินเขาชัน.
ภูเขาที่เป็นที่โปรดปรานของบรรดานักถ่ายภาพจะมีความเปลี่ยนแปลงจากแต่ละมุมที่คุณเฝ้ามอง ทำให้มีโอกาสนับไม่ถ้วนเพื่อที่จะให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ไว้เก็บในแฟ้มสะสมผลงานของคุณ และอีกครั้งในคืนนี้ที่คุณจะได้เข้าพักบริเวณคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส.
อ่านเพิ่ม
วัน 4 - ชั้นหินฮวิทแซร์คูร์วันนี้คุณจะได้ตรงไปทางเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ไปยังผืนป่าและคาบสมุทรวาท์นเนส (Vatnsnes) ที่อยู่ห่างไกล ที่เป็นที่รู้กันว่าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่แทบจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ด้วยการผสมผสานของเนินเขาขรุขระและทุ่งหญ้าสีเขียวที่มีฝูงม้าให้คุณได้ชม.
ในทางฝั่งตะวันออกของคาบสมุทร คุณจะได้ชมทิวทัศน์ด้านนอกที่งดงามในจุดสูงสุดของภูมิภาคชายฝั่งทะเลของสตรานดิร์ (Strandir) ในฟยอร์ดทางตะวันตก คาบสมุทรแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของฝูงห่านและแมวน้ำที่อาศัยอยู่บริเวณรอบๆ แน่นอนว่าที่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ในการชมแมวน้ำที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติและเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นของฝูงแมวน้ำทำให้คุณสามารถเข้าไปใกล้ๆได้.
จุดที่เราจะใช้ถ่ายภาพในวันนี้จะเป็นก้อนหินที่มีรูปร่างเหมือนไดโนเสาร์ที่ชื่อว่า ฮวิทแซร์คูร์ (Hvítserkur) ที่เป็นหน้าผาสูง 15 เมตรขึ้นจากทะเล โดยที่ตำนานของประเทศไอซ์แลนด์กล่าวว่าหินนี้เคยเป็นโทรลที่ลืมที่จะต้องหลีกหนีจากแสงในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นทำให้กลายเป็นหิน และนั่นเป็นโชคชะตาของโทรลที่ทำผิดพลาด.
จากบางมุม หินก้อนนี้มองดูเหมือนมังกรที่กำลังดื่มน้ำ และในขณะที่อีกมุมมองดูเหมือนโทรลแข็งแกร่งขนาดใหญ่. แสงถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการถ่ายภาพทิวทัศน์และไกด์ถ่ายภาพของคุณจะเลือกช่วเวลาที่ดี ดังนั้นพระอาทิตย์จะอยู่ในตำแหน่งที่ดีทีสุดสำหรับการถ่ายภาพที่งดงามของสถานที่แห่งนี้ ก่อนที่จะเดินทางกลับไปพักผ่อนในคืนนี้ยังบริเวณคาบสมุทรวาท์นเนส.
อ่านเพิ่ม
วัน 5 - ทะเลสาบมิวาท์นได้เวลาที่คุณจะได้ตรงไปทางเหนือยังทะเลสาบมิวาท์น (Mývatn) ที่กลุ่มของคุณจะได้ใช้เวลาสองวันต่อจากนี้ถ่ายภาพสถานที่ทางธรรมชาติที่น่ามหัศจรรย์จำนวนมากที่ทำให้ที่นี่มีลักษณะพิเศษ ตัวทะเลสาบเองที่มีความงดงามด้วยการก่อตัวของหินที่น่าตื่นตาที่คุณจะได้มีโอกาสในการถ่ายภาพที่นี่ด้วย.
สถานที่ที่อยู่บนสันเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก คือ อ่างน้ำธรรมชาติมิวาท์นที่เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการปะทุของภูเขาไฟมากที่สุดในโลก ที่ทำให้เกิดภูมิทัศน์ที่น่าอัศจรรย์ไม่เหมือนที่อื่นในประเทศ สามารถเห็นได้ที่เนามาส์การ์ด (Námskarð) บนทางผ่าน ที่ราวกับเป็นพื้นที่ของโลกอื่นที่มีการทะลักของบ่อโคลน, การก่อตัวของลาวาที่แปลกตา, พุก๊าซและปล่องภูเขาไฟ.
ทะเลสาบมิวาท์นเป็นหนึ่งในแหล่งที่อยู่ของบรรดานก และประกอบไปด้วยปล่องภูเขาไฟ, ทุ่งลาวาบริสุทธิ์ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่ามหัศจรรย์สำหรับนักถ่ายภาพ.
ที่พักของคุณในคืนนี้จะอยู่ในบริเวณมิวาท์น.
อ่านเพิ่ม
วัน 6 - ปล่องภูเขาไฟไวติ & บริเวณพลังงานใต้พิภพวันที่หกนี้คุณจะได้สำรวจต่อไปในบริเวณรอบๆมิทวาท์น ท่องเที่ยวไปยังเนามาฟย์าท (Namafjall) ที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำพุร้อนที่มีสีสันและบ่อโคลนจำนวนมาก และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่มีชื่อเสียงในเขตความร้อนใต้พิภพที่ชื่อว่าแควริร์ (Hverir) ที่นั่นคุณจะได้ถ่ายภาพของการตัดกันของสีสันและลักษณะภูมิประเทศอย่างชัดเจน เมื่อมีแสงที่อ่อนละมุนและมีสีทองจากพระอาทิตย์เที่ยงคืน.
คุณจะมีโอกาสที่จะได้เห็นคราฟรา (Krafla) ที่เป็นแอ่งยุบมีรัศมีประมาณ 10 กิโลเมตรและรวมทั้งปล่องภูเขาไฟไวติ (Víti) ที่มีทะเลสาบสีเขียวใสด้านใน คำว่า ไวติ หมายถึง นรก และในอดีตผู้คนเชื่อว่าที่นี่เป็นทางไปสู่นรก.
เดินทางต่อไปยังสองอัญมณีสำหรับการถ่ายภาพที่รอคุณอยู่ ได้แก่ น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) ที่มีความหมายว่า "น้ำตกแห่งพระเจ้า" และน้ำตกอาลเดยาร์ฟอสส์ ( Aldeyjarfoss) ที่ตกลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเสาหินบะซอลต์.
ในขณะที่กลางคืนสว่างและพระอาทิตย์ไม่ลับตา ทำให้เกิดสถานการณ์และโอกาสสำหรับช่างภาพเป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าจะได้ภาพที่สวยงามของสถานที่เหล่านี้.
คุณจะได้พักผ่อนในที่พักบริเวณมิวาท์นอีกคืน.
อ่านเพิ่ม
วัน 7 - ไอซ์แลนด์ตะวันออกก่อนที่คุณจะตรงไปทางตะวันออก เราจะได้ไปเที่ยวชมยังอุทยานแห่งชาติโจกุลส์เอาร์กยูฟูร์ (Jökulsárgljúfur) เพื่อที่จะถ่ายภาพน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีพลังงานมากที่สุดในโลก เพื่อที่จะได้ชมน้ำตกที่มีความกว้าง 100 เมตรและมีน้ำตกลงมาที่ความสูง 45 เมตร และมีละอองน้ำจำนวนมากที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเป็นกิโลเมตร ไม่เพียงน้ำตกเดตติฟอสส์จะเป็นภาพถ่ายที่งดงามและวิจิตรแก่คุณ แต่ที่นี่จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม.
ทันทีหลังจากที่คุณได้ถ่ายภาพน้ำตกเดตติฟอสส์ที่ยิ่งใหญ่นี้แล้ว คุณจะได้เดินทางไกลต่อไป คุณจะได้นั่งรถตรงไปยังทะเลทรายที่ราบสูงและข้ามผ่านภูเขาไปยังฟยอร์ดทางตะวันออกที่งดงาม.
พื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยความแตกต่าง และมีความสวยงามตระการตาด้วยฟยอร์ดหลายแห่งตามแนวชายฝั่งตะวันออก คุณจะได้สัมผัสกับหมู่บ้านชาวประมงที่งดงาม, ฟยอร์ดที่งดงามมาก, ภูเขาสูงชัน, พื้นที่การเกษตรที่ราบสูง, ลำธารที่ใสสะอาด, หน้าผานกและน้ำตกหลายแห่ง เช่น น้ำตกรจกานดิ (Rjkandi).
คุณจะได้พักผ่อนเย็นนี้ในหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็กที่ชื่อว่าดยูปิโวกูร์ (Djúpivogur) ที่มีชื่อเสียงจากท่าเรือที่มีเสน่ห์และอาคารเก่าแก่ที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่ล้อมรอบโดยภูเขาที่งดงาม.
อ่านเพิ่ม
วัน 8 - ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนจากดยูปิโวกูร์ การเดินทางของคุณจะดำเนินต่อไปในเส้นทางทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน ที่คุณจะได้ใช้เวลาสองวันถัดจากนั้นในบริเวณที่งดงามของอุทยานแห่งชาติวัทนาโกุลด้วยโอกาสที่ไม่รู้จบสำหรับการถ่ายภาพของคุณ.
อุทยานแห่งชาติที่ไม่เพียงแต่เป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajökull) แต่ยังเป็นที่ตั้งของบริเวณโจกุลซาลอนในทางใต้ไปจนถึงน้ำตกเดตติฟอสส์ และที่หุบเขาโจกุลส์เอาร์กยูฟูร์ในทางเหนือด้วย บริเวณนี้ของประเทศไอซ์แลนด์ถูกปกป้องเนื่องจากเอกลักษณ์และมรดกทางวัฒนธรรมตามธรรมชาติของที่นี่.
สถานที่อื่น ๆ ในโลกที่มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมายเช่นเดียวกับที่วัทนาโจกุลและคุณจะได้ประโยชน์สูงสุดจากพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ไม่มีวันจบสิ้น เพื่อชมปรากฏการณ์ธารน้ำแข็งและธารน้ำแข็งที่เป็นปรากฏการณ์หลายแห่งรวมถึงทางออกของธารน้ำแข็ง.
ที่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนคุณจะได้เห็นภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าและขาวล่องลอยอยู่ในน้ำที่ใสและเงียบสงบ น้ำแข็งขนาดใหญ่ที่แตกออมาจากธารน้ำแข็งเบีรยดาแมร์คุร์โจกุล (Breiðamerkurjökull) และไม่มีภาพใดจะสมบูรณ์ไปกว่าภาพของภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่และถูกประดับประดาไปด้วยแสงของพระอาทิตย์ไม่ว่าจะขึ้นหรือตก.
เนื่องจากแสงจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง คุณจะมีเวลามากมายในบริเวณนี้เพื่อที่จะภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และที่ใกล้ๆก็เป็นบริเวณของไดมอนด์บีช ที่ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งที่ก้อนน้ำแข็งจากทะเลสาบได้ถูกซัดขึ้นไปบนฝั่ง ก้อนน้ำแข็งโบราณคริสตัลใสอย่างไม่น่าเชื่อได้ส่องสว่างอยู่ภายใต้แสงของพระอาทิตย์เที่ยงคืนทำให้มีลักษณะคล้ายเพชร แน่นอนว่าภาพนี้จะทำให้คุณรู้สึกตื่นตาแน่นอน.
ผู้ที่ชื่นชอบสัตว์ป่าจะมีความสุขเมื่อได้ยินว่าแมวน้ำจำนวนมากอาศัยอยู่ในบริเวณนี้และอาจเป็นไปได้ที่คุณจะได้เห็นเหล่าแมวน้ำกำลังเล่นคลื่นอยู่ หลังจากถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมได้มากมาย คุณจะได้พักผ่อนในที่พักบริเวณใกล้เคียง.
อ่านเพิ่ม
วัน 9 - อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลแบบลึกซึ้งไม่เพียงเราจะได้ถ่ายภาพของพื้นที่น้ำแข็งภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล แต่เราจะมีโอกาสที่จะได้สำรวจชายหาดเนินทรายสีดำที่งดงามในสตอกกเนสส์ (Stokksnes) และยอดเขาตระหง่านของภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn).
ความงดงามตลอดกาลของภูเขาเวสตราฮอร์นในทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์เป็นภูเขาที่มีความสูงถึง 454 เมตร มีลักษณะที่งดงามด้วยยอดเขาที่สูงชันและความลาดชันของหินอัคนีที่จะให้คุณได้มีโอกาสแบบที่ไม่มีวันหมดสิ้นในการถ่ายภาพและฝึกทักษะในการถ่ายภาพของคุณ คลื่นที่รุนแรงของมหาสมุทรแอตแลนติกกระทบกับชายหาดทำให้เกิดภาพที่มีคุณภาพเป็นพิเศษ.
ในบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ มีนกพัฟฟินและนกทะเลอื่นๆสร้างรังบริเวณนี้ ตัวอย่างเช่น ในแหลมแองกอล์ฟช็อปดิ (Ingólfshöfði) เนื่องจากทัวร์นี้สามารถยืดหยุ่นได้ ไกด์ของคุณมักจะมองหาโอกาสที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการถ่ายภาพสัตว์เหล่านี้โดยคำนึงถึงทั้งช่วงเวลาและแสงด้วย.
อุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ในทางตะวันตกของทะเลสาบธารน้ำแข็งเป็นเหมือนหีบสมบัติที่เก็บเอาความน่าตื่นตาของยอดเขาและธารน้ำแข็ง, น้ำตก, แม่น้ำและดอกไม้ป่าที่ได้รับการคุ้มครองรวมถึงสัตว์สายพันธุ์ท้องถิ่น.
คุณจะได้ใช้เวลาในเย็นนี้อีกครั้งในบริเวณโจกุลซาลอน.
อ่านเพิ่ม
วัน 10 - ไปยังชายหาดทรายดำเรย์นิสฟยาราได้เวลาในกล่าวอำลาอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล และเดินทางท่องเที่ยวต่อในบริเวณชายฝั่งทางใต้ ไปยังหมู่บ้านวิก (Vík) ที่สวยงาม ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยหน้าผานกที่สูงและงดงาม ชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามที่สุดในเกาะ.
บริเวณนี้ประกอบไปด้วยภูเขาไฟ, ทุ่งลาวา, ธารน้ำแข็ง, ชายหาดสีดำธรรมชาติ, หน้าผาตระหง่านและชั้นหินทะเล รวมถึงน้ำตกที่งดงาม และนกพัฟฟินก็สามารถหาชมได้ที่นี่ในบริเวณชายฝั่งที่งดงามเช่นเดียวกับนกสายพันธุ์อื่นๆ.
ระหว่างไปยังหมู่บ้านวิก คุณจะได้ถ่ายภาพทุ่งลาวามอสที่ชื่อว่า เอลเดิร์น (Eldhraun) ที่มีความลึกถึง 12 เมตร และถูกปกคลุมด้วยหญ้ามอสไปทั่วบริเวณ ที่นี่เป็นสถานที่ที่งดงามที่คุณจะได้ถ่ายภาพทิวทัศน์ที่น่าทึ่งและน่าเหลือเชื่อนี้ด้วยกล้องของคุณ.
ชายหาดสีดำที่หมู่บ้านวิกเป็นสถานที่ที่ราวกับมีเวทมนตร์ และคุณจะได้ถ่ายภาพสถานที่นี้ซึ่งเป็นบ้านของชั้นหินบะซอลต์ทะเลเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ที่ดูลึกลับ โดยในตำนานได้กล่าวว่าหินเหล่านี้คือโทรลที่ออกมาจับปลาช้าเกินไปและถูกเปลี่ยนให้เป็นหินโดยแสงของวัน.
ประเทศไอซ์แลนด์เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์และไม่มีคำใดที่จะมาอธิบายว่าเป็นการถ่ายภาพที่งดงามแค่ไหน และเพลิดเพลินไปกับการก่อตัวของหินระหว่างช่วงชั่วโมงสีทอง.
ในอีกมุมหนึ่งจากหมู่บ้านวิกเป็นชายหาดทรายดำที่คุณจะได้ชมชั้นหินทะเลเรนิสแดรงเกอร์ จากในอีกมุม ตื่นตาตื่นใจกับหน้าผาหินบะซอลต์อันยิ่งใหญ่และชื่นชมคลื่นที่กำลังซัดกระทบกับชายฝั่งทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีความงดงามมากขึ้น คุณจะได้มาเพื่อที่จะได้เข้าใจว่าทำไมเรนิสแดรงเกอร์จึงได้ถูกเลือกให้เป็นชายหาดนอกเขตร้อนที่สวยที่สุดในโลก.
คุณจะได้พักผ่อนคืนนี้ในบริเวณหมู่บ้านวิก.
อ่านเพิ่ม
วัน 11 - ชายฝั่งทางใต้ถึงเมืองเรคยาวิกในวันนี้คุณจะได้กลับไปยังเมืองเรคยาวิก แต่ระหว่างทางจะมีสถานที่ให้คุณได้ถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมมากมายและน่าสนใจ ที่แรกคุณจะได้แวะยังแหลมดิร์โอลาเอย์ (Dyrhólaey) ซึ่งนำเสนอมุมมองถ่ายรูปที่ไม่มีที่สิ้นสุดของชายฝั่งทางใต้.
ดิร์โอลาเอย์อยู่ใกล้กับหมู่บ้านวิกและมีทิวทัศน์จากที่สูงที่งดงามมาก จากที่นั่นคุณจะได้เห็นแนวหินเรนิสแดรงเกอร์จากในอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจตามแนวหน้าผาตระหง่านและชั้นหินในมหาสมุทร คุณจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามเหนือชายหาดสีดำสุดสายตาที่ทอดยาวไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปในทางตะวันตก คุณจะได้เห็นซุ้มหินลาวาสีดำขนาดใหญ่ยื่นไปในทะเล เป็นแหลมที่เป็นที่มาของชื่อนี้.
และยังสามารถที่จะได้ชมนกพัฟฟินในบริเวณนี้ด้วย และไกด์จะใช้เวลาในการให้ความช่วยเหลือคุณเพื่อที่จะให้ได้ภาพถ่ายที่งดงามของบริเวณนี้.
คุณจะได้เที่ยวชมและถ่ายภาพน้ำตกที่มีชื่อเสียงสองแห่ง ได้แก่ น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ที่คุณจะได้ถ่ายภาพที่งดงามโดยการเดินไปทางด้านหลังของน้ำตก และน้ำตกสโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss) ที่มีน้ำตกลงมาจากความสูง 60 เมตรและกว้าง 25 เมตรที่คุณจะได้ถ่ายภาพน้ำตกทั้งสองจากพื้นดินและจากยอดโดยการปีนบันไดที่อยู่ติดกัน.
คุณจะได้ผ่านไปยังภูเขาไฟที่ยังไม่หลับไหล หนึ่งในนั้นคือ เอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajökull) ภูเขาไฟธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เกิดการปะทุในปี 2010 ที่ได้หยุดการจราจรทางอากาศไปทั่วยุโรปอย่างฉาวโฉ่ไปหลายวัน และน้ำตกแห่งที่สองชื่อว่า แฮกล่า (Hekla) ที่น่าอับอายมากกว่าที่จะมีชื่อเสียงเนื่องจากการทำลายล้างของภูเขาไฟลูกนี้ในประวัติศาสตร์ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า "ประตูสู่นรก".
หลังจากที่คุณเดินทางมาถึงเมืองเรคยาวิก รถจะส่งคุณยังโรงแรมที่พักในช่วงเย็นที่คุณจะได้ผ่อนคลายและรวบรวมประสบการณ์ในประเทศไอซ์แลนด์ของคุณ.
อ่านเพิ่ม
วัน 12 - เดินทางกลับหลังจากรับประทานอาหารที่เอร็ดอร่อยที่โรงแรมของคุณแล้ว คุณจะได้ขึ้นรถรับ-ส่งสนามบินเพื่อไปยังสนามบินนานาชาติเคฟราวิกพร้อมกับความทรงจำมากมายและภาพถ่ายที่อาจจะมากกว่า.
อ่านเพิ่ม
Disclaimer We highly recommend that you get a travel and medical insurance. Your own domestic medical insurance and private health scheme will not cover you whilst you are overseas.
The tour is always dependent on weather, as the Icelandic weather can indeed be highly unpredictable. Likewise, visits to ice caves are dependent on favorable conditions, and indeed the ice caves themselves are not permanent. When it comes to the Northern Lights, while they are most likely to be seen between September and April, there is no guarantee that they will appear on a given day.
Departure Schedule 22 May-2 Jun 2023
10-21 Jul 2023
22 May-2 Jun 2024
19-30 Jun 2024
10-21 Jul 2024