ทัวร์ 5 วันขับรถเองในฤดูหนาว |ชมแสงเหนือ วงกลมทองคำ ทะเลสาบน้ำแข็งโจกุลซาลอน

วันนี้คุณจะได้เยี่ยมชมเส้นทางที่มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวยังประเทศไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่าเส้นทางวงกลมทองคำ เริ่มต้นวันที่ดีด้วยการตื่นแต่เช้า หรือเพลิดเพลินกับการนอนหลับต่ออีกสักหน่อย เพราะคุณเป็นคนที่อยู่หลังพวงมาลัยคุณจะสามารถกำหนดการเดินทางได้เอง. จุดแวะแรกของวันนี้ก็คืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์ สถานที่นี้ไม่เพียงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แต่ยังมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่น่ามหัศจรรย์ด้วย และที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ชาวไวกิ้งกลุ่มแรกมารวมตัวกันและตั้งรกราก และได้คิดค้นกฏหมายของแผ่นดินขึ้น รวมทั้งที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่รัฐสภาของประเทศไอซ์แลนด์ที่เรียกว่า อัลธิงกิ (Alþingi) ถูกพบขึ้นในปี 930 ด้วย. ธิงเวลลีย์ไม่ได้ตั้งอยู่ในทั้งแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือและแผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย แต่ตั้งอยู่บนหุบเขาที่อยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกทั้งสอง ในตอนที่แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัว ได้ทำให้ช่องว่างระหว่างหุบเขากว้างมากขึ้น หนึ่งในหุบเขาแห่งนี้เรียกว่า ซิลฟรา (Silfra) ที่ช่องว่างถูกเติมเต็มด้วยน้ำที่มีความใสราวกับคริสตัลที่ละลายมาจากธารน้ำแข็งลางโจกุล และวันนี้คุณยังสามารถเลือกทัวร์ดำน้ำตื้นในบริเวณช่องแคบนี้ ที่คุณจะได้ว่ายน้ำอยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกทั้งสอง คุณจะได้เดินทางต่อและหยุดพักอีกจุดที่บริเวณน้ำพุร้อนใต้พิภพไกเซอร์ เหมือนกับที่กันนูแวร์ (Gunnuhver) ที่เป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยสระบ่อโคลนเดือด และมวลบ่อไอน้ำ แต่ที่ไกเซอร์นี้มีน้ำพุร้อนและไกเซอร์ที่ยังเกิดการปะทุอยู่ด้วย. สโทรคูร์เป็นไกเซอร์ที่เกิดการปะทุมากที่สุด ซึ่งเกิดการปะทุทุกๆ 5 - 10 นาที และสามารถปะทุขึ้นไปได้สูงถึง 15 - 20 เมตร คุณยังสามารถเดินเล่นรอบๆบริเวณ ถ่ายรูปสโทรคูร์และบ่อโคลนเดือด จะไม่มีไกด์ที่ไม่มีความอดทนคนไหนจะมาเร่งคุณ ดังนั้นคุณจะสามารถใช้เวลาได้เท่าที่ต้องการในบริเวณทุ่งไกเซอร์ที่คุณโปรดปราน. จุดแวะเที่ยวชมสุดท้ายในเส้นทางวงกลมนี้คือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ที่งดงาม ที่ได้รับน้ำหล่อเลี้ยงมาจากธารน้ำแข็งลางโจกุล แม่น้ำฮวิทเอา (Hvítá) ที่ไหลลงไปทางใต้ก่อนที่จะตกลงไปในช่องแคบโบราณ ทำให้เกิดกระบวนการม่านน้ำที่สวยงาม ที่กุลล์ฟอสส์ คุณสามารถเลือกทัวร์ในการแข่งขันกันขับรถเลื่อนน้ำแข็งบนธารน้ำแข็งลางโจกุลที่มีความกว้างใหญ่สีขาว แต่หากคุณชื่นชอบอะไรที่เบากว่าคุณสามารถเลือกทัวร์ที่คุณจะได้ขี่ม้าสายพันธุ์ไอซ์แลนด์ข้ามไปยังพื้นที่ชนบท. ในตอนท้ายของวัน คุณจะได้ขับรถตรงไปยังหมู่บ้านควอลส์เวิ้ลลูร์ (Hvolsvöllur) ในทางใต้เพื่อพักผ่อนในที่พักคุณที่นั่น.

การเดินทางของคุณจะดำเนินต่อไปยังทางตะวันออกในวันนี้ คุณจะท่องเที่ยวภายใต้ธารน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่สองแห่ง คือ เอยาฟยาลลาโจกุลล์ ( Eyjafjallajökull ) และมิร์ดาลสโจกุล ( Mýrdalsjökull ) พร้อมกับเที่ยวชมจุดท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดในประเทศ. จุดแวะชมแรก คือ น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ที่น่าตื่นตา ช่วงกลางวันจะมืดในระหว่างช่วงฤดูหนาวของประเทศไอซ์แลนด์ แต่ที่น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ส่องประกายขึ้นจากแสงที่มาจากแสงออโรร่าราวกับเวทมนตร์ที่อยู่รอบๆบริเวณน้ำตก. จากที่นั่นคุณจะได้เยี่ยมชมน้ำตกสโกการ์ฟอสส์ น้ำตกแห่งนี้กว้างกว่ามากและมีน้ำไหลแรงกว่าที่น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ และพื้นที่ใต้ม่านน้ำตกเรียบมาก คุณสามารถเดินขึ้นไปยังกำแพงของน้ำตกที่นั่นคุณจะรู้สึกได้ถึงละอองน้ำบนใบหน้าของคุณ. ระหว่างทั้งสองน้ำตกนี้เป็นทางออกของธารน้ำแข็ง ที่ชื่อว่าโซลเฮมาร์โจกุล ในวันนี้คุณสามารถเลือกทัวร์ได้สองแบบบนธารน้ำแข็งโซลเฮมาร์โจกุล คือ การขับรถเลื่อนหิมะ หรือการปีนธารน้ำแข็ง คุณยังสามารถตรงไปทางเหนือขึ้นไปอีก จนไปถึงหมู่บ้านวิกสำหรับการทัวร์บนธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล ที่ซึ่งคุณจะมีโอกาสสำรวจถ้ำน้ำแข็งที่แท้จริงตามธรรมชาติ. วิกเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการแวะพักและเติมน้ำมันขณะที่สามารถมองเห็นเรย์นิสฟยาราที่เป็นชายหาดสีดำที่สวยงามและมีสันเขาหน้าผาที่เกิดจากแนวหินบะซอลล์รูปหกเหลี่ยม มองออกไปในมหาสมุทรมีกองหินที่ตั้งขึ้นเป็นชั้นขนาดใหญ่ที่ถูกเรียกว่า เรนิสแดรงเกอร์ ที่ถูกทำให้เกิดเป็นรูปร่างจากการกัดเซาะของมหาสมุทรมานับหลายทศวรรษ. ขับรถต่อไปยังอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลโดยผ่านศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ และทะเลสาบโจกุลซาลอน หากคุณต้องการที่จะหยุดพักที่นั่นเพื่อที่จะสำรวจก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่คุณก็ยังมีเวลาพรุ่งนี้อีกวันที่จะได้ใช้เวลารอบๆบริเวณนี้. เดินทางต่อไปยังที่พักของคุณที่เมืองเฮิฟน์ ( Höfn ) หรือที่บริเวณรอบๆ หากเป็นคืนที่ท้องฟ้าสดใสและเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดคุณก็จะมีโอกาสในการได้ชมการเต้นรำของแสงเหนือ.

ใช้เวลาทั้งวันนี้ของคุณในการสำรวจอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลที่ยิ่งใหญ่ คุณสามารถเริ่มจากการตรงไปทางตะวันออกจากเมืองเฮิฟน์ตรงไปยังทะเลสาบน้ำแข็งโจกุลซาลอน. โจกุลซาลอนถูกเติมเต็มโดยน้ำที่ละลายมาจากเปรียดาร์แมร์คูร์โจกุล (Breiðamerkurjökull) ที่เป็นทางออกของธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ชื่อว่า วัทนาโจกุล การล่องไปตามสายน้ำที่เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าและขาวที่แตกออกลงไปในธารน้ำแข็ง อย่าลืมที่จะเฝ้าดูแมวน้ำที่สามารถถูกพบได้บ่อยในตอนที่กำลังพักผ่อนบนยอดของน้ำแข็ง. ไม่ไกลจากกองหินเป็นหาดทรายสีดำที่ซึ่งก้อนน้ำแข็งจากทะเลสาบถูกพัดขึ้นมาบนชายฝั่ง ในตอนที่น้ำแข็งส่องประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ทำให้เรานึกถึงอัญมณีบนพื้นซาตินสีดำ นั่นทำให้ชายหาดนี้ถูกเรียกว่า "ไดมอนด์บีช" (The Diamond Beach). ในวันนี้คุณสามารถเลือกทัวร์ชมน้ำแข็งที่น่าตื่นเต้นจากทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนได้ ถ้ำน้ำแข็งที่นี่จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงฤดูหนาว เพราะถ้ำเหล่านี้จะถูกน้ำท่วมระหว่างฤดูใบไม้ผลิ นั่นทำให้ถ้ำในธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลถือเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต. จากที่ทะเลสาบ คุณจะขับรถไปยังสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติที่อยู่ตรงฐานของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล มีเส้นทางปีนเขาและเดินป่ากระจายอยู่รอบๆบริเวณ ที่จะนำคุณขึ้นไปเหนือแม่น้ำธารน้ำแข็งและไปยังน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) ที่โดดเด่น ที่สกัฟตาเฟลล์คุณสามารถเลือกการปีนน้ำแข็งเพื่อที่จะได้ชมสภาพแวดล้อมของธารน้ำแข็งที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุณจะได้ชมการก่อตัวของน้ำแข็งขณะที่ไกด์ธารน้ำแข็งนำคุณผ่านลึกลงไปตรงรอยแตกและช่องแคบสีฟ้าในการผจญภัยที่คุณจะไม่มีวันลืม. และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะตรงกลับไปยังที่พักของคุณในเมืองเรคยาวิก ขณะที่คุณนั่งอยู่หลังพวงมาลัยในทัวร์ขับรถเที่ยวเอง คุณสามารถหยุดแวะชมที่ใดก็ตามที่คุณต้องการไม่ว่าจะเป็นชายฝั่งทางใต้หรือเส้นทางวงกลมทองคำหากคุณต้องการจะทำการสำรวจเพิ่มเติม หรือคุณสามารถใช้เวลาในช่วงเย็นในการล่าแสงเหนืออยู่ในนอกเมือง.

ในวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวของคุณในครั้งนี้ คุณสามารถสำรวจเมืองเรคยาวิกเพิ่มเติมเล็กน้อยก่อนที่สายการบินของคุณจะออกเดินทาง แต่อย่าลืมที่จะเผื่อเวลาในการขับรถไปยังสนามบินและคืนรถของคุณด้วย. สำหรับคนที่มีเที่ยวบินช่วงเย็นและอยากที่จะไปชมบลูลากูน คุณจะได้ท่องเที่ยวทุกสถานที่ก่อนออกเดินทางไปสนามบิน. นี่คือสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนขณะที่คุณอาบน้ำในน้ำอุ่นและน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยเมื่อคุณมองย้อนกลับไปในการผจญภัยที่เหลือเชื่อที่คุณเพิ่งมีในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง หากเที่ยวบินของคุณออกช่องเย็นมีหลายสิ่งให้ทำในเรคยาวิก หากคุณมีเที่ยวบินช่วงเช้สกลับบ้านเราหวังว่าคุณจะเดินทางอย่างสะดวกสบาย. คุณสามารถเริ่มต้นวันเหมือนกับผู้คนในท้องถิ่น และเยี่ยมชมสระว่ายน้ำจากพลังงานใต้พิภพจำนวนมากในเมือง แม้แต่ในช่วงฤดูหนาวในตอนที่หิมะและน้ำแข็งปกคลุมพื้นดิน ชาวไอซ์แลนด์จะพากันไปยังสระว่ายน้ำสำหรับการอาบน้ำนิดหน่อยและแช่ลงในอ่างน้ำร้อน ทำให้รู้สึกถึงอากาศในช่วงฤดูหนาวเข้าไปถึงปอด. หรือหากคุณกำลังมองหาของฝาก คุณสามารถเดินทางไปยังถนนแห่งการช้อปปิ้งที่ไม่ควรพลาดที่ชื่อ เลยการแวกูร์ ( Laugavegur ) คุณสามารถเลือกซื้อเสื้อกันหนาวขนสัตว์แบบดั้งเดิม ช็อกโกแลตที่เคลือบด้วยชะเอมหรืออัญมณีที่ทำจากหินภูเขาไฟ คุณสามารถไปยังร้านหนังสือ หรือร้านขายแผ่นเสียงเพื่อที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นของประเทศไอซ์แลนด์ผ่านทางดนตรีและงานเขียน. เมื่อถึงเวลาที่ออกเดินทาง คุณจะต้องตรงไปยังทุ่งลาวาในคาบสมุทรเรคยาเนสไปยังสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก ขอให้คุณเดินทางโดยสวัสดิภาพและกลับมาเยือนเราใหม่ในครั้งหน้า.