ท่องเที่ยว 8 วันช่วงฤดูหนาวพร้อมไกด์ทัวร์รอบประเทศไอซ์แลนด์
มีแนวโน้มที่จะขายออกเร็ว ๆ นี้ แผนการเที่ยวรายวัน
วัน 1 - เส้นทางวงกลมทองคำ
วันนี้คุณจะต้องใช้เวลาทั้ง 8 ชั่วโมงในการผจญภัย หลังจากที่เราไปรับคุณที่จุดนัดแล้ว คุณก็จะไปพบกับไกด์ที่มากประสบการณ์ และแนะนำคุณให้กับผู้ร่วมการเดินทางอื่นๆ ที่เหลือก็จะมีแต่ความสนุกที่รอคุณอยู่ ในทัวร์เส้นทางวงกลมทองคำ ที่เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในไอซ์แลนด์ สถานที่แรกเราจะไปกันที่อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อุทยานแห่งชาติของไอซ์แลนด์ อีกทั้งที่นี่ยังได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก้ อีกด้วย.
จากเหตุผลที่เห็นได้ชัดก็คือ อย่างแรกสถานที่นี้เป็นที่ที่ประเทศไอซ์แลนด์เกิดขึ้นหลังจากนั้นจึงเรียกว่าอัลล์ธิงกิ(Alþingi) ในปีคริตศักราช 930 และทำให้ที่นี่ได้มีการก่อตั้งรัฐสภาแห่งแรกที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย อย่างที่สองก็คือสวนแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของรอยแยกตรงกลางสันเขาแอตแลนติก ทำให้ที่นี่สามารถมองเห็นทั้งแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย และอเมริกาเหนือที่แยกกันได้อย่างชัดเจน.
จากธิงเวลลีย์คุณจะได้เดินทางต่อไปอีกนิดไปยังจุดท่องเที่ยวอีก 2 จุดนั่นคือ ไกเซอร์(Geysir) และกุลล์ฟอสส์(Gullfoss) ที่นี่เป็นที่แรกที่มีการเกิดทุ่งน้ำพุร้อนที่นักท่องเที่ยวสามารถเห็นน้ำพุร้อนสโทรคูร์(Strokkur) ที่มีน้ำร้อนพุ่งออกมาทุกๆ 5 นาที หรืออาจเกิดขึ้นที่บริเวณใกล้เคียงด้วย.
จากที่นั่นคุณจะได้เดินทางต่อไปยังน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (น้ำตกทองคำ) ที่เป็นหนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ น้ำตกที่มีความยิ่งใหญ่นี้มีความสูงถึง 32 เมตรและมีน้ำตกลงมาทั้ง 2 ฝั่งของหุบเขาที่เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติเลยทีเดียว.
หากคุณต้องการให้วันนี้เป็นวันแห่งความทรงจำมากขึ้นไปอีก คุณสามารถเพิ่มกิจกรรมทัวร์ผจญภัยบนหลังม้าได้ระหว่างการทำการจองของคุณ เพียงแค่นั้นคุณก็จะได้พบกับอีกประสบการณ์กับการขี่ม้าสายพันธุ์ไอซ์แลนด์ที่เชื่องมาก รวมทั้งเพลิดเพลินกับชนบทที่เต็มไปด้วยหิมะแสนสวยนี้ด้วย.
ในเย็นวันแรก คุณจะได้ใช้เวลาช่วงค่ำคืนในวงกลมทองคำ หรือในหมู่บ้านเฮลลา(Hella) และตลอดการเดินทางของคุณครั้งนี้คุณจะได้เข้าพักในที่พักที่อยู่ตามชนบทแสนสวยเหล่านี้ และเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ชื่นชมความงามของแสงเหนือที่สามารถเห็นได้ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งด้วย.
อ่านเพิ่มวัน 2 - ชายฝั่งทางใต้และเดินบนธารน้ำแข็ง
ในวันที่สองนี้ คุณจะได้เดินทางลงไปทางชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ที่เป็นหนึ่งในจุดที่งดงามที่สุดในประเทศ จากที่พักของคุณ ระหว่างทางคุณจะได้ชื่นชมกับทัศนียภาพที่หลากหลาย เช่น พื้นที่การเกษตรที่เขียวชอุ่ม สายแม่น้ำที่สลับไปมา และน้ำตกที่สวยงามรวมถึงน้ำตกสโกการ์ฟอสส์(Skógafoss)และน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์(Seljalandsfoss) ด้วย.
ทางฝั่งขวาของคุณก็จะเป็นทัศนียภาพของเกลียวคลื่นในมหาสมุทรแอตแลนติกที่เป็นดั่งสวรรค์ของกลุ่มประเทศนอร์ดิก อาจจะมีการแวะจอดหลายครั้งเพื่อให้คุณได้มีโอกาสถ่ายรูปและดื่มด่ำกับทัศนียภาพสองข้างทาง และจะแวะเพื่อให้คุณได้ผจญภัยเพิ่มมากขึ้นด้วยการเดินบนธารน้ำแข็งที่ โซลเฮมาร์โจกุล(Sólheimajökull) หากคุณได้เลือกไว้ตอนที่ทำการจองทัวร์.
ในการเดินบนธารน้ำแข็งคุณจะได้ปีนขึ้นไปบนธารน้ำแข็ง ผ่านหุบเขาและสันเขาที่ขรุขระเพื่อชื่นชมกับความงดงามที่อยู่รอบๆบริเวณ น้ำแข็งบริเวณนี้จะมีสีฟ้าเข้ม แต่ตรงยอดของธารน้ำแข็งหิมะจะเป็นสีดำจากขี้เถ้าที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ.
ก่อนที่คุณจะเข้านอนในที่พักของคุณที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านตรงชายฝั่งทะเลที่เรียกว่าหมู่บ้านวิก(Vík) ที่นี่คุณจะได้พบกับหาดทรายดำที่มีชื่อเสียงของชายหาดเรย์นิสฟยารา(Reynisfjara) ที่ซึ่งคุณจะสามารถมองเห็นเสาหินบะซอลล์ที่เกิดตามธรรมชาติอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
นอกจากนั้นที่นี่ยังเหมาะที่จะหยุดชิมอาหารประจำชาติของชาวไอซ์แลนด์พร้อมทั้งมีร้านค้าขายของทำมืออีกด้วย.
อ่านเพิ่มวัน 3 - โจกุลซาลอน และถ้ำน้ำแข็ง
แน่นอนว่าการท่องเที่ยวในวันที่สามจะเป็นไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้ เพราะคุณจะได้เดินทางข้ามทะเลทรายสีดำในสเกรดาร์เอาซานดูร์ (Skeiðarársandur) คุณจะมองเห็นอุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟลล์(Skaftafell)ก่อนที่จะเห็นสันเขาสูงชัน แผ่นหินแกะสลักและเนินเขาที่น่าทึ่ง.
ขณะที่คุณยังเดินทางต่อไป คุณจะหยุดที่ทะเลสาบน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) เป็นอีกจุดหนึ่งที่สวยที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ที่นี่คุณจะได้เห็นก้อนน้ำแข็งที่เป็นสีขาวบริสุทธิ์และสีฟ้าที่แตกออกมาจากธารน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่ชื่อว่าเปรียดาร์แมร์คูร์โจกุล (Breiðamerkurjökull) ล่องไปตามธารน้ำแข็งเพื่อสร้างประสบการณ์ทางธรรมชาติที่น่าประทับใจ.
ในวันนี้คุณจะยังได้มีโอกาสพิเศษที่จะได้สำรวจด้านในของธารน้ำแข็งในการเดินทางในหนึ่งในถ้ำน้ำแข็งของประเทศไอซ์แลนด์ สีสันของธรรมชาติจะดึงดูดคุณไว้ที่เวิ้งน้ำแข็งเหล่านี้ ถ้าคุณมาท่องเที่ยวที่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนและมีนาคมคุณจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมที่ถ้ำในธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลด้วย แต่หากมาเที่ยวในช่วงอื่นของปีคุณจะได้เข้าไปเที่ยวในโลกน้ำแข็งของธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล(Mýrdalsjökull).
ค่ำคืนนี้คุณจะได้ใช้เวลาในพื้นที่ใต้ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล.
อ่านเพิ่มวัน 4 - ฟยอร์ดทางตะวันออก
ในวันนี้คุณจะมุ่งหน้าตรงไปสู่ฟยอร์ดทางตะวันออก (Eastfjords) หนึ่งในพื้นที่ที่งดงามที่สุดและเป็นดินแดนที่ไม่เคยมีใครแตะต้องมาก่อนของประเทศไอซ์แลนด์ ความรู้สึกของความสงบและความสุขที่มาจากการได้สำรวจพื้นที่ที่หลากหลายสามารถอธิบายได้คำเดียวว่าที่นี่คุณได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติได้อย่างแท้จริง.
เป็นเพราะในพื้นที่นี้ไม่ได้รับการพัฒนาใดๆเลย พื้นที่ทางตะวันออกนี้จะเปิดโอกาสให้คุณอาจจะได้ชมสัตว์ป่า รวมไปถึงการได้ฟังเสียงฝีเท้าของกวางเรนเดียร์.
การเดินทางในวันนี้อาจจะมีจุดจอดให้แวะชมหลายจุด เนื่องจากความงดงามตามธรรมชาติที่ไม่อาจจะจินตนาการได้ นั่นรวมถึงป่าฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ (Hallormsstaðaskógur) ทะเลสาบลาการ์ฟโลย์ท(Lagarfljó) อ่าวทางตะวันออกและจุดตกปลาที่มีเสน่ห์อีกหลายจุด.
คืนนี้คุณจะได้พักในบริเวณฟยอร์ดทางตะวันออก.
อ่านเพิ่มวัน 5 - ทะเลสาบมิทวาห์นและดิมมูร์บอกิรร์
ช่วงแรกของวันที่ 5 คุณจะได้ออกเดินทางไปที่ทะเลสาบมิวาท์น (Mývatn). โชคดีที่ในหน้าหนาวไม่มีแมลง ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายให้คุณได้แช่ตัว และ ชมความสวยงามแบบภูเขาไฟจองทะเลสาบ.
หนึ่งสิ่งที่น่ามหัสจรรย์ของสถานทีนี้คือ ดิมมุบอร์กิร์ (Dimmuborgir) ซ่งเป็นหินที่มีรูปร่างเป็นตัวของตัวเอง บางคนก็บอกว่าหินที่มีสีเข้มนี้มีพลังบางอย่างซ่อนอยู่. คนโบราณมักจะเช่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่พักของคนตัวเล็ก แต่สถานที่แห่งนี้ก็นำไปเป็นซีมสร้างหนังมากมาย.
อีกหนึ่งสถานที่ ที่โดดเด่นคือ เนามาสการ์ด (Námaskarð) ซึ่งเป็นสถานที่มีน้ำร้อนพุ่งเดือด คนท้องถิ่นมักจะนำขนมฟังมาอับที่นี่กัน แล้วทิ้งไว้ค้างคืน เพราะว่าจะทำให้เกิดรสชาติที่อร่อย.
ในวันนี้คุณจะได้โอกาสที่จะอ่างอาบน้ำมิวาท์น (Mývatn Nature Baths)ด้วยเช่นกัน สถานที่นี้เต็มไปด้วยน้ำที่อุ่น และ เต็มไปด้วยแร่ธาติ. ขณะเดินทางไปที่มิวาท์นคุณจะได้จอดที่น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ของน้ำที่ไหลแรง และความงามที่ยิ่งใหญ่. ขณะที่คุณนั่งรถผ่านภูเขาวิกุสการ์ด (Víkurskarð) คุณก็สามารถชมความงามของเอยาร์ฟยอร์ดุร์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะได้เช่นกัน. หลังจากนั้นคุณก็จะเข้าสู่เมืองอาคุเรย์รี่ (Akureyri) ในเมืองนี้คุณสามารถชมพิพิธฒพัน, คาเฟ่ และ หมู่บ้านแห่งนี้ได้. คุณจะพักค้างคืนที่นี่
อ่านเพิ่มวัน 6 - วันที่ 6 ดูวาฬ และ สปาเบียร์
วันนี้คุณจะได้ออกเดินทางไปยังทางตะวันตกของประเทศ. แต่ก่อนจะออกจากภาคเหนือคุณจะได้ชมความสวยงามของพื้นที่นี้ก่อน.
ที่แรกคือหมู่บ้านเฮยกาเนสส์ (Hauganes) ที่เหมือนภาพวาด. หมู่บ้านแห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยุ่เพียง 140 คน แต่ก็มีเสนห์ในตัวเองที่นี่คุณสามารถใช้เวลาในการชมหาดทรายดำ และ เดินไปยังท่าเรือเพื่อดูเรือประมงได้. หากว่าคุณกำลังหาความติ่นเต้นคุณสามารถร่วมทัวร์ดูปลาวาฬได้ที่นี่. มีปลาหลากหลายสายพันธุ์ที่คุณสามารถเห็นได้ที่นี่ไม่ว่าจะเป็น วาฬมิ้งค์, พอร์พอซ, หรือ โลมาปากขวด. หากว่าคุณอยากจะลองอะไรที่ผ่อนคลาย การเข้าแช่อ่างเบียร์ที่ Bjórböðin Beer Spa อาจจะเป็นสิ่งที่เหมาะกับคุณ. ขณะที่คุณกำลังออกเดินทางต่อไกด์ของคุณจะเล่าเรืองราวตำนานของ ฮวิทเซคุุร์ (Hvítserkur) ให้คุณฟัง วึ่งที่นี่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปของคุณ.
สิ่งธรรมชาตินี้ว่ากันว่ามีรูปร่างเหมือนมังกร หรือ ว่าช้างที่กำลังดื่มน้ำ. คุณจะได้เข้าพักที่พักของคุณในเมืองบอร์การ์เนส (Borgarnes). ก่อนที่คุณจะเข้านอนคุณอาจจะใช้เวลาในอ่างอาบน้ำ และ มองแสงเหนือบนฟ้า.
อ่านเพิ่มวัน 7 - ไอซ์แลนด์ทางใต้ และ คาบมหาสมุทรไสนล์แฟลส์เนสส์
วันนี้, คุณจะได้ไปชมความสวยงามของไอซ์แลนด์ทางตะวันตก ก่อนที่จะออกเดินทางไปที่คาบมหาสมุทรสไนล์แฟลส์เนส์.
คุณจะได้เดินทางไปที่เดลตาทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) ที่เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในยุโรป เต็มไปด้วยควันที่ลอยขมุง และสีที่แดงเมื่อแห้งสนิท.
แล้วก็ถึงเวลาเดินทางไปที่เรย์ฮอล์ทสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่โดงดังที่สุดในประเทศ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสนอรรี่ สตูร์ลูสัน(Snorri Sturluson)ที่เป็นทั้งนักกวี นักเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับวีรชนต่างๆ นักวิชาการ ผู้สร้างกฏหมาย และหัวหน้าเผ่า ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดในยุคกลาง.
จากที่นี่คุณจะได้ไปชมน้ำตกที่มหัสจรรย์มากมาย น้ำตกเฮิรนฟอซซาร์ (Hraunfossar) บาร์นาฟอสส์ (Barnafoss). อันแรกนั้นล้อมรอบไปด้วยลาวาที่สวยงามส่วน บาร์นาฟอสส์ (Barnafoss) นั้นมีสีฟ้าที่สวยงามและไหลเร็วลงสู่เหว.
คุณจะได้เดินทางกลับไปที่ที่พักของคุณ พักผ่อนให้เต็มที่แล้วเตรียมตัว ออกเดินทางไปที่สไนล์แฟลส์เนส (Snæfellsnes) ในวันพรุ่งนี้.
อ่านเพิ่มวัน 8 - คาบมหาสมุทรสไนล์แฟลซเนส
สำหรับวันสุดท้ายในทัวร์นี้ เพื่อให้แน่ในว่าคุณได้เดินทางไปได้รอบประเทศไอซ์แลนด์ที่งดงามนี้แล้ว วันนี้คุณจะได้ตรงไปยังคาบมหาสมุทร สไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes) โลกแห่งเทือกเขาที่น่าทึ่ง หน้าผาที่ยิ่งใหญ่จำนวนมาก และพื้นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวประมงโบราณ.
โดยที่แรกที่คุณจะจอดคือแกร์ดุเบิร์ก (Gerðuberg) เหวที่มีหินบะซอลที่โดดเด่น. จากที่นั่นคุณจได้ไปที่อิทรา ทุงกา (Ytri-Tunga) ที่คุณไม่สามารถเห็นได้ทั่วไปในประเทศไอซ์แลนด์ โดยทีหาดทรายเป็นสีขาว. หาดทรายที่อิทรา ทุงกา (Ytri-Tunga) นั้นไม่ได้เป็นหาดทรายดำทั่วไปเหมือนที่อื่นในประเทศไอซ์แลนด์ แต่จะเป็นหาดทรายสีทอง. น่าประทับใจเหมือนที่อื่นในประเทศไอซ์แลนด์ อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถเห็นได้คือฝูงแมวน้ำที่สามารถเห็นได้ตามทรายหาด.
สไนล์แฟลส์เนสเกลเซียร์ (Snæfellsjökull glacier) จะคอยมองการท่องเที่ยวของคุณตลอดการเดินทางในวันนี้. ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นจุดศูนย์กลางของโลก ตามนิยายของ จูเลส เวิร์น (Jules Verne) โดยในวันนี้คุณสามารถไปพจญภัยโลกใต้ดินที่นี่ได้แล้ว. ถ้ำวาท์นเฮลลิร์ (Vatnshellir) คือสถานที่ต่อไปของเรา โดยโถงใต้ดินนี้สามารถไปได้ด้วยไกด์.
ไม่มีทัวร์ไหนที่มาเที่ยวสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes) แล้วจะไม่ไปภูเขาเคิร์คจูแฟส(Kirkjufell) และที่นี่คือสถานที่ต่อไปของคุณ. ภูเขาเคิร์คจูแฟส(Kirkjufell) ที่เป็นที่รู้จักในเรื่องของยอดเขาที่คดเคี้ยวในซีรีย์เรื่องมหาศึกชิงบัลลังก์(Game of Thrones).
ขณะที่อยู่ที่นี่อย่าลืมที่จะไปแวะชมอุทยานแห่งชาติสไนล์แฟลโจกุล(Snæfellsjökull) ที่ได้ถูกตั้งชื่อตามธารน้ำแข็งที่สำคัญที่ชื่อว่าสไนล์แฟลโจกุล และไฮไลท์อีกแห่งของคาบสมุทรที่น่าหลงไหลนี้ก็คือภูเขาเคิร์คจูแฟส(Kirkjufell) ที่เป็นที่รู้จักในเรื่องของยอดเขาที่คดเคี้ยวในซีรีย์เรื่องมหาศึกชิงบัลลังก์(Game of Thrones) หรือเป็นที่รู้จักกันอีกอันคือ ในนาม "ภูเขาที่มีรูปเหมือนลูกศร" แต่ไม่ต้องกลัวไป ปัจจุบันไม่มี ไวท์ วอกเกอร์ (White-Walkers) ในประเทศไอซ์แลนด์แล้ว.
เมื่อการเดินทางในระยะ 90 กิโลเมตรตามแนวคาบสมุทรสิ้นสุดลง คุณจะตรงกลับไปยังเมืองเรคยาวิก และสิ้นสุดการเดินทางของคุณที่นี่. คุณจะไปถึงเมืองเรคยาวิกในตอนเย็น แต่ไม่แนะนำให้จองเที่ยวบินกลับบ้านในวันเดียวกัน เพราะว่าอาจจะเกิดการล่าช้าเพราะสภาพอากาศได้. ใช้โอกาศนี้ในการเที่ยวชมเมืองหลวงที่อยู่เหนือที่สุดในโลก และ หาเที่ยวกลางคืนที่นี่แทนสิ.
อ่านเพิ่ม สิ่งที่ควรนำไป
เสื้อผ้าที่อบอุ่น และกันน้ำ
กล้องถ่ายรูป
ความรู้สึกชื่นชอบการผจญภัย
รองเท้าสำหรับเดินทางในช่วงฤดูหนาว
ชุดว่ายน้ำและผ้าเช็ดตัว