เวิร์คช็อปถ่ายภาพฤดูใบไม้ร่วง 9 วันในประเทศไอซ์แลนด์

ในวันที่สองนี้การผจญภัยถ่ายภาพของคุณจะได้เริ่มขึ้นจริงๆ คุณจะได้เดินทางออกจากเมืองเรคยาวิกแต่เช้าด้วยรถมินิบัสที่พิเศษและสะดวกสบาย และตรงไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส ที่มักจะได้ชื่อว่าเป็น "ประเทศไอซ์แลนด์ฉบับย่อ" เนื่องจากเป็นสถานที่และพื้นที่ที่มีความหลากหลายที่สามารถพบเห็นได้ที่นี่. ตลอดทั้งวันนี้ คุณจะได้แวะถ่ายภาพในหลายพื้นที่ที่เคยกล่าวไว้ คุณจะโฟกัสในการถ่ายภาพหินผาชายฝั่งทะเลที่งดงามรอบๆอาร์นาร์สตาปิ (Arnarstapi) ที่คุณจะได้ชมแนวหินบะซอลต์หกเหลี่ยมที่งดงาม และลอนตรังการ์ (Lóndrangar) ที่เป็นสถานที่ตั้งของสองชั้นหินทะเลขนาดใหญ่ อีกทั้งคุณจะได้ถ่ายภาพทุ่งลาวาบูดาเฮริน (Buðahraun) ที่น่าขนลุก, ตัดกับความแปลกตาของหมู่บ้านแห่งประวัติศาสตร์ที่ชื่อว่า ปูดิร์ (Buðir). คุณจะยังได้มีโอกาสที่จะได้ถ่ายภาพของอัญมณียอดมงกุฏของคาบสมุทรภูเขาไฟและธารน้ำแข็งสไนเฟลล์โจกุล (Snæfellsjökull) ตลอดทั้งวันนี้. สไนล์แฟลซเนสมีความน่าเหลือเชื่อในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สีสันของฤดูใบไม้ร่วง และเพิ่มโอกาสให้คุณได้ชมและถ่ายภาพแสงเหนือในตอนสิ้นสุดวันนี้และพักผ่อนในคืนนี้ในบริเวณคาบสมุทรหลังจากการผจญภัยทั้งวัน.

ในการเดินทางวันที่สาม คุณจะได้ทำการสำรวจต่อในสไนล์แฟลซเนส เพื่อชมสถานที่ต่างๆให้มากขึ้น และจะเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมหากจะสำรวจบริเวณทั้งหมดในวันเดียว. วันนี้คุณจะได้โฟกัสในการถ่ายภาพชายฝั่งทางเหนือของคาบสมุทร ทิวทัศน์ของเบรดาฟยอร์ดูร์ ฟยอร์ด (Breiðafjörður fjord) ที่งดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีสภาพอากาศที่สดใสจะทำให้คุณสามารถมองเห็นเส้นทางข้ามไปยังภูเขาขนาดใหญ่ในฟยอร์ดทางตะวันตก. หากคุณโชคดี คุณจะได้มีโอกาสในการชมออร์กาในน้ำซึ่งเป็นเรื่องปกติของที่นี่ และมักจะเห็นได้มากที่สุดในช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วง. อย่างไรก็ตามไฮไลท์ของวันนี้จะเป็นภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) ยอดเขาโดดเดี่ยวที่ขึ้นมาจากแนวชายฝั่งข้างๆน้ำตกเคิร์คจูแฟสฟอสส์ (Kirkjufellsfoss) คุณจะใช้เวลาพอสมควรในการหามุมที่สมบูรณ์แบบในการถ่ายภาพ เฝ้ารอคอยโอกาสของชั่วโมงสีทองคำ หวังว่าคุณจะได้ถ่ายภาพภายใต้แสงเหนือในช่วงค่ำคืน. คุณจะได้ใช้เวลาอีกคืนในคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส.

คุณจะได้เดินทางออกจากคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสในวันที่สี่นี้ เมมโมรี่การ์ดของคุณจะเต็มไปด้วยภาพถ่ายที่หลากหลาย จะทำให้คุณเชื่อมั่นว่า คุณจะได้ใช้เวลาในการเดินทางให้คุ้มค่าที่สุด การเดินทางของคุณจะนำคุณออกไปจากไอซ์แลนด์ตะวันตกไปยังชายฝั่งทางใต้ที่น่ามหัศจรรย์. ที่นี่เป็นหนึ่งในเส้นทางยอดฮิตที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยว เนื่องจากมีสถานที่แลนด์มาร์คมากมายบนเส้นทางนี้ และสถานที่ทั้งหมดนี้จะสามารถพบเห็นได้บนถนนสายหลักที่มุ่งไปทางตะวันออก ภูมิภาคแห่งนี้มีน้ำตกที่งดงาม ในตอนที่ภูมิทัศน์ที่เขียวขจี กลายเป็นสีเหลืองกรอบและแต่งแต้มไปด้วยส้มและสีแดง ทางเดินเล็กที่เต็มไปด้วยหิมะมีไว้เพื่อตกแต่งบริเวณนี้เท่านั้น. สถานที่แรกที่คุณจะเดินทางไป คือ น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ที่มีลักษณะเรียว แคบ และมีน้ำตกลงมาจากความสูงที่มากกว่า 60 เมตรด้านหน้าของหน้าผาถ้ำ นั่นหมายถึงว่า หากสภาพอากาศเหมาะสมจะสามารถเดินชมความงดงามรอบๆได้. น้ำตกสโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss) เป็นน้ำตกอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ ด้วยความสูงที่ใกล้เคียงกัน แต่มีพลังงานที่มหาศาลกว่า ที่นี่คุณไม่สามารถเดินไปทางด้านหลังน้ำตกได้แต่สามารถเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อชมทิวทัศน์ในมุมที่พิเศษ. หลังเพลิดเพลินกับน้ำตกเหล่านี้แล้ว คุณจะได้ตรงไปยังชายหาดทรายสีดำที่ชื่อว่าเรย์นิสฟยารา ชายหาดที่ทอดยาวนี้มีความลึกลับและน่าขนลุกที่จะเป็นความประทับใจของที่นี่ จุดถ่ายภาพหลักของคุณจะเป็นชั้นหินทะเลเรนิสแดรงเกอร์ "โทรล" สองตนที่อยู่กลางทะเลที่กล่าวกันว่าถูกทำให้กลายเป็นหินโดยแสงอาทิตย์. ในช่วงชั่วโมงสีทองในคืนนี้ คุณจะได้ลองถ่ายภาพสถานที่ภายใต้แสงออโรร่า. คุณจะได้ใช้เวลาคืนนี้ในหมู่บ้านวิก (Vík) ที่งดงาม.

ในการเดินทางวันที่ห้าของคุณ คุณจะได้เดินทางออกจากหมู่บ้านวิกไปตามเส้นทางชายฝั่งทางใต้ตรงไปยังทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) และอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull). คุณจะได้หยุดแวะก่อนเดินทางไปถึงบริเวณทะเลสาบ เพื่อไปยังศูนย์อนุรักษ์สกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ศูนย์อนุรักษ์แห่งนี้เป็นเหมือนสวรรค์ของช่างภาพ เช่นเดียวกับที่สไนล์แฟลซเนส ที่มีพื้นที่ที่มีความหลากหลายอยู่รวมกันบนพื้นที่ขนาดเล็ก. ดังนั้นวันนี้คุณจะได้ใช้เวลาในการมองหาสิ่งพิเศษสำหรับการถ่ายภาพ รวมถึงปลายธารน้ำแข็ง, ทะเลสาบ, น้ำตก, ผืนป่าและทุ่งลาวา. หลังจากการเที่ยวชมยังสถานที่ที่พิเศษมากมายแล้ว คุณจะได้ตรงไปยังโจกุลซาลอน เพื่อถ่ายภาพสถานที่นี้ในช่วงพระอาทิตย์ตกดินและด้วยความหวังที่จะมีโอกาสในการถ่ายภาพภายใต้แสงเหนือ. โจกุลซาลอนมักจะถูกเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่สวยที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมที่นี่จึงเป็นสถานที่ยอดฮิตในการถ่ายภาพ. ที่นี่ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ได้แตกออกจากปลายธารน้ำแข็ง และได้ล่องไปตามทะเลสาบขนาดใหญ่ตรงไปยังมหาสมุทร ภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้มีสีสันสดใส ขนาดที่น่าทึ่งและคุณจะได้ฝึกการถ่ายภาพสัตว์ป่าที่นี่ด้วย เนื่องจากแมวน้ำที่อาศัยอยู่บริเวณนี้จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากขึ้น. คุณจะได้พักผ่อนคืนนี้ในทางตะวันออกของทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์.

คุณจะได้เดินทางกลับไปยังโจกุลซาลอนเพื่อถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันที่หก ภายใต้สภาพแสงที่ต่างกันที่คุณจะได้ชมตลอดช่วงฤดูใบไม้ร่วงของประเทศไอซ์แลนด์ ที่เกิดเป็นสีสันและความงดงามได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล คุณจะยังได้อยู่ที่บริเวณนี้ในวันนี้เป็นส่วนใหญ่. คุณจะไม่เพียงได้ถ่ายภาพของโจกุลซาลอน เพราะคุณจะได้เดินทางไปยังไดมอนด์บีชในบริเวณที่อยู่ใกล้ๆ ที่นี่ภูเขาน้ำแข็งจะถูกซัดขึ้นไปบนชายฝั่งและส่องประกายภายใต้คลื่นและแสงอาทิตย์ และนี่ถือเป็นสถานที่สำหรับการถ่ายภาพที่ดีที่สุดในประเทศในการฝึกการถ่ายภาพที่เปิดรับแสงและเอฟเฟคของแสง. ไกด์ถ่ายภาพของคุณจะนำคุณไปยังทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักที่ชื่อว่า ฟยาลซาลอน (Fjallsárlón) ที่นี่คุณจะได้ใช้เวลาในการถ่ายภาพมากขึ้น เนื่องจากจะมีผู้คนน้อยกว่า แม้ว่าที่นี่จะไม่มีขนาดใหญ่เท่ากับที่โจกุลซาลอน แต่ฟยาลซาลอนยังคงเป็นสถานที่ที่งดงามและคุณจะได้เห็นปลายธารน้ำแข็งลงไปในธารน้ำแข็งน้อยกว่า. หากแสงออโรร่าไม่ได้ปรากฏในคืนก่อน คุณและไกด์ของคุณจะเฝ้ามองเป็นพิเศษในคืนนี้ เพื่อถ่ายภาพแสงเหนือที่ปรากฏอยู่เหนือธารน้ำแข็งหรือชายหาดที่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต. คุณจะได้พักคืนนี้อีกคืนในบริเวณโจกุลซาลอน.

ในวันที่เจ็ดนี้จะเป็นเต็มวันสุดท้ายของคุณในบริเวณไอซ์แลนด์ตะวันออกในทางใต้ ดังนั้นคุณจะได้ไปยังสถานที่ที่คุณพลาดไปในวันก่อน. หนึ่งในสถานที่หลักของวันนี้ ได้แก่ ภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) บนคาบสมุทรสตอกกเนสส์ (Stokknes) ภูเขาแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในภูเขาหินอัคนีไม่กี่แห่งในประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นภาพที่น่าทึ่งมาก ภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่แบบโดดเดี่ยวล้อมรอบด้วยสายสีดำและน้ำทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมด้วยความแห้งแล้ง, เนินลาดและยอดเขาที่ขรุขระ ที่นี่เป็นจะจุดถ่ายภาพที่น่าสนใจและคุณจะสามารถถ่ายภาพภูเขานี้ได้จากหลายๆมุมที่แตกต่างกัน. ไกด์ถ่ายภาพของคุณจะนำคุณออกจากที่นี่ไปยังจุดหมายปลายทางที่พิเศษยิ่งกว่าภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ที่ซึ่งคุณจะได้ชมทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งคุณสามารถถ่ายภาพทิวทัศน์ที่น่าทึ่งของภูมิภาคนี้และน้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป. คุณจะได้กลับไปยังโจกุลซาลอนเพื่อถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินในบริเวณนี้.

ในวันที่แปดส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางจากอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลเพื่อกลับไปยังเมืองเรคยาวิก อย่างไรก็ตามคุณจะได้หยุดแวะในหลายพื้นที่ตามเส้นทาง เพื่อคุณจะได้ยืดเส้นยืดสายและถ่ายภาพ. ตัวอย่างเช่น คุณจะได้หยุดแวะตอนขากลับที่ศูนย์อนุรักษ์สกัฟตาเฟลล์, ชายหาดเรย์นิสฟยารา และน้ำตกตามเส้นทางชายฝั่งทางใต้ ขึ้นอยู่กับเวลาและสภาพอากาศ เนื่องจากเป็นช่ววงเวลาที่ต่างกันภายใต้ภูมิอากาศที่ต่างกัน สถานที่เหล่านี้จะมีความงดงามที่แตกต่างกัน และทำให้เป็นการถ่ายภาพที่งดงาม. สุดท้ายของวันนี้ คุณจะได้กลับไปยังเมืองเรคยาวิก ที่คุณสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายหลังจากการถ่ายภาพอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามคืนนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายในการถ่ายแสงเหนือ ดังนั้นทำไมไม่ลองออกไปด้านนอกเพื่อถ่ายภาพแสงนี้อีกครั้ง.

น่าเศร้าที่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของคุณที่นี่ คุณจะต้องขึ้นเดินทางไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับ หากคุณมีเวลาสักเล็กน้อย คุณสามารถใช้เวลานี้ในการถ่ายภาพตัวเมืองหลวงรอบเรคยาวิก. หากเปรียบเทียบรูปถ่ายที่คุณได้ถ่ายตั้งแต่วันแรก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณจะได้เห็นสัญญาณของการพัฒนาเทคนิคในการถ่ายภาพของคุณ. และเมื่อคุณกลับไปถึงบ้าน หรือจุดหมายปลายทางถัดไป คุณจะไม่ต้องสงสัยเลยว่ายังคงมีความประทับใจในความสามารถใหม่ของคุณ รวมถึงผลงานมากมายของคุณและสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่คุณเคยเห็นในไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จนกว่าเราจะพบกันใหม่ เราหวังว่าคุณจะได้มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในประเทศไอซ์แลนด์.