เวิร์คช็อปถ่ายภาพสองสัปดาห์รอบประเทศไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง มีแนวโน้มที่จะขายออกเร็ว ๆ นี้
แผนการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ
สามารถจัดตามความต้องการได้เต็มที่
แผนการเที่ยวรายวัน
วัน 1 - วันเดินทางมาถึงหลังจากเดินทางมาถึงสนามบินเคฟราวิก (Keflavik) คุณจะได้เดินทางไปยังเมืองหลวงที่ชื่อว่า เรคยาวิก (Reykjavik) ทันที่ที่คุณได้เข้าพักในโรงแรม คุณจะได้ลงไปยังล็อบบี้ของโรงแรมเพื่อที่จะพบกับสมาชิกที่เหลือของกลุ่มและไกด์ของคุณ จากที่นี่คุณจะได้เดินทางไปยังร้านอาหารที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อที่จะรับประทานอาหารเย็นและพูดคุยเกี่ยวกับการผจญภัยที่อยู่ตรงหน้าเพื่อทำความคุ้นเคยกับเพื่อร่วมทางที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ.
อ่านเพิ่ม
วัน 2 - ตรงไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสวันนี้เริ่มต้นตอน 8 โมงเช้า รถจะไปรับคุณจากเมืองเรคยาวิกและขับตรงไปทางเหนือเพื่อไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสในทางตะวันตกของประเทศไอซ์แลนด์ ภูมิภาคนี้มักจะถูกกล่าวถึงว่าเป็น "ประเทศไอซ์แลนด์ขนาดจิ๋ว" เนื่องจากมีสถานที่ทางธรรมชาติที่หลากหลายมากมาย.
คุณจะได้ใช้เวลาในอีกสองวันข้างหน้าในบริเวณสไนล์แฟลซเนส เพื่อได้ใช้เวลาในการเก็บภาพที่มีไว้รอผู้มาเยือนทุกๆสิ่งในสถานที่ที่น่ามหัศจรรย์นี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่างภาพ คุณจะได้แวะยังบริเวณชายฝั่งใกล้กับหมู่บ้านเล็กๆที่ชื่อว่าอาร์นาร์สตาปิ (Arnarstapi) และจะมีเวลาเหลือเฟือในการถ่ายภาพการก่อตัวของหินที่ขรุขระภายใต้แสงของฤดูใบไม้ร่วง และที่นี่เกลียวคลื่นของแอตแลนติกที่จะผสมผสานกับแสงและทะเลหมอกจะเป็นส่วนประกอบของภาพที่น่าตื่นตาทีเดียว.
ห่างออกไปตามแนวชายฝั่ง จะเป็นที่ตั้งของโบสถ์สีดำที่ชื่อว่าปูดิร์ (Búðir) ที่จะถือเป็นอีกภาพที่สมบูรณ์แบบ ที่มีฉากหลังที่งดงามของภูเขาไฟธารน้ำแข็งสไนล์แฟลซเนสโจกุล ที่คาบสมุทรแห่งนี้ได้ชื่อมาจากที่นี่.
การถ่ายภาพสุดท้ายของคุณในวันนี้จะเป็นที่ภูเขาเคิร์คจูแฟส ที่ไม่ต้องสงสัยว่าได้เป็นสถานที่ที่สวยที่สุดและเป็นที่ชื่นชอบของนักถ่ายภาพ ที่นี่มีชื่อเสียงเนื่องจากรูปร่างกรวยที่สมบูรณ์แบบของภูเขาและน้ำตก, แม่น้ำและเนินเขาที่อยู่บริเวณรอบๆทำให้นี่ราวกับเป็นสวรรค์ของนักถ่ายภาพ ที่ภูเขาแห่งนี้ยังมีฉากเบื้องหน้าเป็นแสงเหนือ ดังนั้นไขว้นิ้วของคุณไว้และคาดหวังว่าแสงเหนือจะปรากฏออกมาให้เห็นระหว่างที่คุณพักอยู่บริเวณนี้และไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้คุณรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานของคุณอย่างแน่นอน.
ที่พักของคุณคืนนี้จะอยู่บริเวณคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส.
อ่านเพิ่ม
วัน 3 - การถ่ายภาพสไนล์แฟลซเนสในวันที่สามคุณจะได้ทำการสำรวจต่อในคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส เที่ยวชมในสถานที่ต่างๆที่คุณยังไม่เดินทางไปในวันก่อนหน้า หรือเดินทางกลับไปยังสถานที่ที่ชื่นชอบและกลุ่มของคุณต้องการกลับไปใช้เวลาเพิ่มเติม.
คุณจะได้ไปท่องเที่ยวยังแนวหินบะซอลต์ที่น่าทึ่งที่ชื่อว่าลอนตรังกูร์ (Lóndrangur) หินเหล่านี้เกิดจากการก่อตัวขึ้นมาจากทะเลและยืนหยัดต่อสู้กับมหาสมุทรไม่ไกลจากชายฝั่ง ทำให้เป็นองค์ประกอบหลักของภาพถ่ายที่สวยงามมาก.
ตรงปลายของแนวชายฝั่งถูกตกแต่งด้วยหมู่บ้านเล็กๆที่มีเสน่ห์เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ พร้อมทั้งสีสันของน้ำตกที่มีอยู่รอบๆบริเวณเพื่อให้กลุ่มได้เพลิดเพลิน ภูเขาไฟขนาดใหญ่และฟยอร์ด (fjords) ที่อยู่รอบๆคุณตลอดเวลาที่ได้ใช้เวลาอยู่ในบริเวณนี้ ดังนั้นเตรียมที่จับภาพสถานที่โดดเด่นจำนวนมาก.
ไกด์ผู้เชี่ยวชาญของคุณจะตัดสินใจว่าที่ใดจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อที่จะให้แน่ใจว่าคุณทั้งหมดจะได้ถ่ายภาพความอบอุ่นที่เปล่งประกายของชั่วโมงสีทองก่อนที่จะกลับไปที่ที่พักของคุณที่อยู่ในภายในบริเวณ.
อ่านเพิ่ม
วัน 4 - ชั้นหินฮวิทเซอกูร์ในทางเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ในวันที่สี่คุณจะได้เดินทางออกจากสไนล์แฟลซเนสและตรงไปทางเหนือ ไปยังอีกหนึ่งคาบสมุทรที่ชื่อว่าวาท์นสเนส (Vatnsnes) พื้นที่นี้มีชื่อเสียงในเรื่องของการที่เป็นฝั่งของป่า และเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้พบม้าสายพันธุ์ไอซ์แลนด์ที่งดงามท่ามกลางสถานที่ต่างๆที่ใช้ชีวิตกันตามธรรมชาติ.
ขณะที่คุณดั้นด้นไปในทางฝั่งตะวันตกของคาบสมุทร คุณอาจจะมีโอกาสได้พบกับฝูงแมวน้ำที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ตลอดทั้งปี คุณจะได้เผชิญหน้ากับทะเลในวันที่ท้องฟ้าสดใสคุณจะสามาถมองเห็นชายฝั่งของสตรานดิร์ (Strandir) ในบริเวณใกล้ๆกับฟยอร์ดตะวันตก (Westfjords) ของประเทศไอซ์แลนด์.
การถ่ายภาพของคุณในวันนี้จะเน้นไปในการถ่ายภาพการก่อตัวของหินฮวิทเซอกูร์ (Hvítserkur) ที่น่าสนใจ ที่ความสูง 15 เมตรและเป็นหินบะซอลต์แกะสลักที่โดดเด่นด้านนอกทะเล มีการกล่าวไว้ว่าชั้นหินนี้ดูเหมือนมังกรที่กำลังกินน้ำ หรือจากอีกมุมกล่างว่าเป็นเหมือนโทรลท้องถิ่น เนื่องจากบริเวณรอบๆที่นี่ การก่อตัวของหิน หมายถึง โทรลที่ไม่สามารถหนีจากแสงอาทิตย์ในขณะที่ขึ้นได้ จึงได้กลายเป็นหิน.
ไม่ว่าคุณจะคิดว่าฮวิทเซอกูร์เกิดจากอะไร ความลึกลับของหินถือว่าเหมาะแก่การถ่ายภาพมาก และไกด์ถ่าพภาพของคุณจะแบ่งปันความรู้และแนะนำให้คุณได้ เพื่อให้คุณสามารถจับภาพนี้จากมุมและแสงที่แตกต่างกันได้.
คุณจะได้พักผ่อนคืนนี้ในคาบสมุทรวาท์นสเนส อย่าลืมที่จะเฝ้าดูแสงเหนือเพราะที่นี่ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ห่างไกลที่สุดที่คุณจะได้มาเยือนตลอดทั้งการเดินทางครั้งนี้ แน่นอนว่าที่นี่มีมลภาวะของแสงน้อยมาก.
อ่านเพิ่ม
วัน 5 - ทะเลสาบมิวาท์นกลับไปบนถนนอีกครั้ง วันนี้คุณจะได้เดินทางไปยัง "เมืองหลวงของทางเหนือ" ที่ชื่อว่าอาคูเรย์ริ (Akureyri) ตั้งอยู่ในเอยาฟยอร์ดู ฟยอร์ด (Eyjafjörður fjord) ที่งดงามและกว้างใหญ่ ใช้เวลาในเมืองที่งดงามแห่งนี้เมื่อคุณเดินทางผ่านฟยอร์ด และข้ามเขาไปเพื่อถ่ายภาพแรกของคุณในวันนี้.
น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) ที่ใช้เวลาขับรถเพียงสั้นๆจากเมืองอาคูเรย์ริ และยากที่จะอดใจในการถ่ายภาพของสถานที่ทางธรรมชาติแห่งนี้ ไกด์ของคุณจะพยายามให้คำแนะนำถูกต้องเพื่อให้คุณสามารถถ่ายภาพในแสงที่ดีที่สุด.
น้ำตกแห่งนี้มีประวัติศาสตร์มากมาย เพราะด้วยลักษณะและชื่อของที่นี่มีความหมายว่า "น้ำตกของพระเจ้า" เนื่องจากในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของคริสต์ศาสนิกชนในประเทศไอซ์แลนด์เมื่อปี 1,000 การได้จับภาพน้ำตกโกดาฟอสส์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ด้วยสีสันที่ละเอียดอ่อนมากมายในบริเวณรอบ ๆ น้ำตกและรูปร่างเป็นครึ่งวงกลมที่หมายถึงจะมีมุมมองมากมายให้คุณได้ทดลอง.
และตอนนี้คุณจะได้ตรงไปยังทะเลสาบมิวาท์น (Mývatn) หนึ่งในแหล่งน้ำที่น่าทึ่งที่สุดของไอซ์แลนด์ซึ่งเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ พลังของกระบวนการของโลกในพื้นที่นี้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในวันนี้และสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่คุณจะได้เห็นในพื้นที่นี้เป็นผลโดยตรงจากการระเบิดของภูเขาไฟ.
คุณจะได้หยุดแวะที่ดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir) ทุ่งลาวาอันกว้างใหญ่และโดดเด่นด้วยการก่อตัวของหินที่น่าขนลุกและหลุมอุกกาบาตที่มีอยู่กระจัดกระจาย มีรูปร่างที่น่าสนใจจำนวนมากให้คุณได้ภ่ายภาพในบริเวณนี้ และอาจจะมีบางคนสามารถใช้เวลาและหายไปทั้งวันได้พร้อมกล้องถ่ายภาพของเขา บริเวณนี้มองดูเหมือนดาวอีกดวง ซึ่งน่าจะอธิบายได้ว่าทำไมหลายฉากจากซีรี่ย์โทรทัศน์เรื่อง มหาศึกชิงบัลลังก์ (Game of Thrones) เลือกที่จะถ่ายทำที่นี่.
ที่พักของคุณในคืนนี้จะอยู่บริเวณมิวาท์น หากแสงเหนือส่องประกายในคืนนี้ คุณจะอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายที่จะสามารถถ่ายภาพแสงเหนือได้.
อ่านเพิ่ม
วัน 6 - น้ำตกของทางเหนือได้เวลากระโดดขึ้นรถซุปเปอร์จี๊ป และออกเดินทางสู่ที่ราบสูงไอซ์แลนด์ เพื่อที่จะไปชมน้ำตกที่น่ามหัศจรรย์ให้มากขึ้น ที่สามารถพบเห็นได้บนแม่น้ำสเกาล์ฟานตดาฟยอร์ด (Skjálfandafljót) ที่ชื่อว่าอัลเดจาร์ฟอสส์ (Aldeyjarfoss) และเฮริฟนาบจาร์การฟอสส์ (Hrafnabjargafoss).
ที่อัลเดจาร์ฟอสส์ จะเน้นในเรื่องการถ่ายภาพความแตกต่างของแนวหินบะซอลต์สีดำที่ใช้เสมือนเป็นกรอบให้กับน้ำตกที่มีน้ำที่ใสและตกลงมายังหินเหล่านี้ ขณะที่ทั้งหมดนี้ถูกล้อมรอบด้วยสีแห่งความอบอุ่นของช่วงฤดูใบไม้ร่วง.
ถัดจากนั้นในเฮริฟนาบจาร์การฟอสส์ที่ถูกฝังอยู่ในหินภูเขาไฟเช่นกัน แต่ด้วยสระว่ายน้ำสีฟ้าบริสุทธิ์ที่อยู่ด้านล่างจะให้ภาพทุกภาพเต็มไปด้วยเวทมนตร์ ทั้งวันนี้คุณจะได้จะใช้เวลาถ่ายภาพน้ำตกที่สวยงามสมบูรณ์แบบนี้ ก่อนที่จะตรงกับไปยังที่พักของคุณในบริเวณมิวาท์น.
อ่านเพิ่ม
วัน 7 - พื้นที่พลังงานใต้พิภพทะเลสาบมิวาท์นในการเดินทางผจญภัยถ่ายภาพในวันที่ 7 นี้ คุณจะได้ทำการสำรวจต่อในบริเวณรอบๆทะเลสาบมิวาท์น ในทางตะวันออกมีสีสันของบริเวณทุ่งน้ำพุร้อนเนามาส์การ์ด (Námaskarð) ที่ได้รวมสีส้มของทราย, ช่องว่างร้อนระอุและกิจกรรมพลังงานใต้พิภพที่ให้คุณได้มีโอกาสมากมายในการถ่ายภาพฝั่งผืนป่าของประเทศไอซ์แลนด์.
เช่นเดียวกับบริเวณพลังงานใต้พิภพที่ยังมีการปะทุอยู่ คุณจะได้เยี่ยมชมสถานที่ประวัติศาสตร์ภูเขาไฟของประเทศไอซ์แลนด์ยังคงอยู่ที่ชื่อว่าแฮคสร์แฟลล์ (Hverfell) ที่แฮคสร์แฟลล์นี้เป็นปล่องภูเขาไฟที่มีการปะทุครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก ปล่องภูเขาไฟแห่งนี้มีรัศมีกว้างถึง 1 กิโลเมตร คุณจะได้มีเวลาในการปีนไปทางด้านข้างและถ่ายภาพปล่องภูเขาไฟนี้ด้วยกล้องของคุณก่อนที่จะเดินทางต่อ.
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะได้ดูแลตัวเองแล้ว ด้วยการแช่บ่อน้ำธรรมชาติมิวาท์น ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติของพื้นที่พลังงานใต้พิภพ และผ่อนคลายในน้ำแห่งการฟื้นฟูที่ถูกทำให้อุ่นด้วยกระบวนการภูเขาไฟของโลก.
คุณจะได้พักในบริเวณมิวาท์นอีกคืนในคืนนี้.
อ่านเพิ่ม
วัน 8 - ตรงไปทางตะวันออกการเดินทางในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในประเทศไอซ์แลนด์จะดำเนินต่อไปในวันนี้ เพราะคุณจะต้องกล่าวอำลาภูมิภาคของมิวาท์น และท่องเที่ยวต่อไปทางตะวันออกยังหุบเขาโจกุลส์เอาร์กยูฟูร์ (Jökulsárgljúfur) ที่งดงาม ภูมิภาคที่น่าเกรงขามนี้เป็นที่ตั้งของน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) ที่เป็นน้ำตกที่มีพลังมากที่สุดในยุโรป.
ที่วัดความกว้างได้ 100 เมตร และสูง 45 เมตร นี่คือน้ำตกแห่งหนึ่งที่คุณจะไม่ลืมที่จะต้องรีบร้อนที่จะตั้งกล้องของคุณให้พร้อมและใช้ทักษะมากมายที่มีถ่ายภาพของสถานที่แห่งนี้ จะมีโอกาสในการรวบรวมความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ในช่วงที่หยุดแวะที่นี่.
หลังจากที่คุณได้ถ่ายภาพของน้ำตกเดตติฟอสส์อันทรงพลังนี้แล้ว กลุ่มของคุณจะเดินทางต่อไปยังทะเลทรายที่ราบสูงและผ่านภูเขามากมาย ไปยังสถานที่ที่อยู่ไกลและไร้กาลเวลาที่ชื่อว่าฟยอร์ดทางตะวันออก (Eastfjords) ต้องใช้ไหวพริบในการถ่ายภาพ เพราะสถานที่แห่งนี้มีลักษณะที่ต่างกัน จากทิวเขา ฟยอร์ด ไปจนถึงทะเลทรายภูเขาไฟที่แห้งแล้งและกลาเซียที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง คุณจะได้ใช้เวลาในคืนนี้ในหมู่บ้านชาวประมงที่ชื่อว่าดจูปิโวกูร์ (Djúpivogur) ที่คุณจะได้ชื่นชมกับความงดงามของท่าเรือที่มีทิวเขาเป็นฉากหลัง.
ขณะที่อยู่ที่นี่คุณจะได้มีโอกาสในการถ่ายภาพน้ำตกอาจูกานดิ (Rjúkandi) น้ำตกชั้นที่ไหลลงมาเป็นชั้นๆตามไหล่เขาใกล้เคียงด้วยความสง่างามและมีพลังน่าเกรงขาม ที่จะทำให้การถ่ายภาพครั้งนี้ ล้อมรอบด้วยสีแดงและสีเหลืองของฤดูใบไม้ร่วงไอซ์แลนด์ที่งดงาม.
อ่านเพิ่ม
วัน 9 - ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนและไดมอนด์บีชวันที่ 9 นี้คุณจะได้ไปสำรวจหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่มหัศจรรย์ที่ชื่อว่า วัทนาโจกุล (Vatnajökull) ที่นี่มักจะถูกกล่าวถึงว่าเป็น "มงกุฏของประเทศไอซ์แลนด์" หรือทะเลสาบน้ำแข็งโจกุลซาลอน คุณจะได้ใช้เวลา 3 วันต่อจากนี้ในธรรมชาติที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ถ่ายภาพสถานที่พิเศษจำนวนมากที่มีอยู่ในภูมิภาคนี้.
ในตอนที่คุณเดินทางไปถึงบริเวณโจกุลซาลอน เป็นเรื่องยากที่จะละสายตาจากความงดงามของภูเขาน้ำแข็งโบราณขนาดใหญ่ ที่ไหลเอื่อยๆออกไปยังทะเล น้ำแข็งสีฟ้าหลากหลายเฉดตัดกับสีดำของเถ้าถ่านจากการระเบิดเมื่อครั้งประวัติศาสตร์.
คุณจะได้ใช้เวลาในวันนี้ในการถ่ายภาพทิวทัศน์ของที่นี่จากในหลายๆมุมและแสง เนื่องจากเวลาได้ผ่านไปไวมาก การถ่ายภาพสัตว์ป่าอาจจะตื่นเต้นน้อยลงหากคุณได้รู้ว่ามีนกจำนวนมากอยู่ในพื้นที่และบางครั้งอาจจะเป็นไปได้ที่จะได้เฝ้าดูฝูงแมวน้ำกำลังเล่นคลื่นอยู่ในทะเล.
ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญในการถ่ายภาพของคุณ คุณจะได้ใช้เวลาในวันนี้ลองถ่ายภาพของทะเลสาบที่มีความงดงามตลอดเวลา ไฮไลท์ของวันนี้จะเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อคุณสามารถถ่ายภาพภายใต้สภาพแสงที่อบอุ่นในช่วงชั่วโมงสีทอง.
คุณจะได้ใช้เวลาในคืนนี้ในที่พักใกล้กับทะเลสาบ.
อ่านเพิ่ม
วัน 10 - อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลแบบลึกซึ้งตื่นขึ้นมาในบริเวณอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล คุณจะได้เดินทางย้อนกลับไปไม่ไกลยังทะเลสาบธารน้ำแข็ง เพื่อที่จะถ่ายภาพของธรรมชาติที่งดงามทั้งหมดในยามเช้า รวมถึงการสืบเสาะหาความเป็นสุดยอดของภาพประกายน้ำแข็งบนทะเลสาบ คุณจะได้สำรวจไดมอนด์บีชที่อยู่ติดกันด้วย.
ชายฝั่งที่ทอดยาวถูกแต่งแต้มด้วยก้อนน้ำแข็ง ที่มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน ก้อนน้ำแข็งเหล่านี้ถูกซัดขึ้นมาบนชายหาดหลังจากที่ลอยออกมาจากทะเลสาบแล้ว ที่ไดมอนด์บีชยังมีภาพที่งดงามอีกอย่างสำหรับการถ่ายภาพคือความตัดกันระหว่างก้อนน้ำแข็งสีฟ้าใสและทรายสีดำบนชายหาด เกิดเป็นการตัดกันอย่างชัดเจนที่งดงาม.
คุณจะได้เริ่มต้นการถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้า และคาดหวังที่จะถ่ายภาพแสงแรกของดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงมายังทะเลสาบ หลังจากนั้นในวันนี้จะขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของกลุ่ม คุณจะมีโอกาสได้เห็นบริเวณธารน้ำแข็งอื่นที่งดงามจนเกือบหยุดหายใจ.
คุณจะได้กลับไปยังที่พักในบริเวณโจกุลซาลอน หรืออาจจะกลับไปยังบริเวณทะเลสาบในช่วงเย็นหากเกิดแสงเหนือ.
อ่านเพิ่ม
วัน 11 - ภูเขาตระหง่านในวันที่ 11 ในกิจกรรมการถ่ายภาพประเทศไอซ์แลนด์ที่งดงาม คุณจะได้เดินทางไปยังฝั่งตะวันออกของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล กลุ่มจะเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์จากหาดทรายดำของคาบสมุทรสต๊อคเนส (Stokksnes) ข้ามไปยังยอดภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่ความสูง 454 เมตร.
ภูเขาเวสตราฮอร์นเป็นเหมือนความฝันสำหรับนักถ่ายภาพ ที่มียอดเขามากมายและยอดเขาทั้งหมดทอดยาวสุดสายตาออกไปยังชายฝั่งทะเล ที่มีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ยามเช้าหรือแสงตะวันกำลังที่กำลังจะตก ยอดเขาเหล่านี้เป็นภาพที่น่าดึงดูดเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้.
และเพิ่มเติมด้วยกระแสน้ำขึ้นลงด้านล่างและอาจเกิดแสงเหนือ และคุณมีสูตรมากมายเพื่อความสนุกสนานในการถ่ายภาพ คุณมีเวลามากมายในการไล่ตามแสงที่งดงามขณะที่คุณถ่ายภาพภูเขาและบริเวณรอบๆ.
คุณจะได้ใช้เวลาในเย็นวันนี้ในบริเวณทะเลสาบโจกุลซาลอนอีกคืนหนึ่ง.
อ่านเพิ่ม
วัน 12 - หาดทรายดำเรย์นิสฟยาราวันนี้คุณจะต้องเดินทางออกจากอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เต็มใจ และเดินทางตรงไปทางใต้ยังหมู่บ้านชาวประมงที่มีสเน่ห์ที่ชื่อว่าวิก อี มิร์ดาล์ (Vík í Mýrdal) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงามที่อยู่ในชายฝั่งทางใต้ที่มีชื่อเสียงของประเทศไอซ์แลนด์.
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่มีแหล่งงดงามตามธรรมชาติมากมายตั้งแต่ภูเขาไฟไปจนถึงทุ่งลาวา, ชายหาดสีดำ, น้ำตกและธารน้ำแข็ง ทั้งหมดนี้มีสีสันของช่วงฤดูใบไม้ร่วง.
ภาพถ่ายของคุณในวันนี้จะเน้นในการถ่ายภาพทิวทัศน์ทั้งจากและรอบๆหมู่บ้านวิก ไกด์ถ่ายภาพของคุณจะแสดงให้คุณเห็นถึงจุดที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพชายหาดทรายดำที่มีเสน่ห์และทิวทัศน์ตรงด้านนอกทะเลของชั้นหินบะซอลต์ทะเลที่เรียกว่า เรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar).
ไม่ไกลจากหมู่บ้านวิกเป็นชายหาดทรายดำที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ชื่อว่า เรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ที่ได้รับการโหวตให้เป็นชายหาดนอกเขตร้อนที่สวยที่สุดในโลก ที่นี่คุณจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของชั้นหินทะเลเรนิสแดรงเกอร์จากมุมมองอื่นๆเพราะเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมทางธรณีวิทยาที่น่าประทับใจซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เหนือชายฝั่ง.
หลังจากที่คุณได้จับภาพแนวชายฝั่งอันน่าตื่นเต้นนี้ตอนพระอาทิตย์ตกแล้ว คุณจะได้ตรงไปยังที่พักคืนนี้ในหมู่บ้านวิก.
อ่านเพิ่ม
วัน 13 - ชายฝั่งทางใต้วันนี้เป็นเต็มวันสุดท้ายในทัวร์นี้ และเป็นวันเดินทางกลับไปยังเมืองเรคยาวิก คุณสามารถตั้งตารอคอยสถานที่มากมายที่เป็นไฮไลท์สำหรับชายฝั่งทางใต้ที่งดงามของประเทศไอซ์แลนด์ จุดแวะแห่งแรกของวันนี้คือที่ดิร์โอลาเอย์ (Dyrhólaey) แหลมที่ยื่นออกมาทำให้มองเห็นซุ้มประตูทะเลขนาดใหญ่ที่มีชื่อเดียวกัน รวมถึงทั่วทั้งชายฝั่งและชั้นหินทะเลเรนิสแดรงเกอร์ในอีกมุมมองหนึ่ง.
หากมีเวลามากพอ กลุ่มของคุณจะได้หยุดแวะบริเวณใกล้ๆกับปลายธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า โซลเฮมาร์โจกุล (Sólheimajökull) ธารน้ำแข็งส่วนใหญ่ของประเทศไอซ์แลนด์สามารถมองเห็นได้จากบริเวณชายฝั่งทางใต้ และที่โซลเฮมาร์โจกุลคุณจะได้ถ่ายภาพธารน้ำแข็งที่งดงามอย่างใกล้ชิด ที่ตั้งอยู่ในหน้าผาที่ขรุขระขนาดใหญ่ทั้งสองด้าน.
ถัดจากนั้น คุณจะได้ถ่ายภาพสองน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของชายฝั่งทางใต้ในประเทศไอซ์แลนด์ น้ำตกแห่งแรกได้แก่น้ำตกสโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss) ม่านน้ำที่สูงตระหง่านซึ่งเป็นสัญญาว่าคุณจะได้ภาพที่ยิ่งใหญ่ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นไร นี่เป็นหนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ที่มีความสูงถึง 60 เมตรและจะงดงามเป็นพิเศษเมื่อถูกล้อมรอบด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วง หากคุณได้ถ่ายภาพที่นี่ภายใต้แสงอาทิตย์ เป็นไปได้ว่าจะได้เห็นสายรุ้ง หนึ่งหรือสองเส้นเป็นฉากหลัง.
จะห่างจากที่นั่นไม่ไกล คุณจะได้เดินทางไปยังน้ำตกอีกแห่งที่สวยงามไม่แพ้กันที่ชื่อว่า น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ น้ำตกแห่งอัญมณีแห่งนี้น่าสนใจเป็นพิเศษเนื่องจาก ถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง นั่นทำให้เกิดมุมมองที่น่าสนใจมากมายสำหรับการจับภาพความงามที่ไม่อาจประเมินค่าได้.
ระหว่างวันนี้คุณจะได้เดินทางผ่านไปยังภูเขาไฟที่ยังมีการปะทุอยู่ แห่งแรกมีชื่อว่า แฮกล่า (Hekla) มีความสูงถึง 1,490 เมตรและมีหิมะปกคลุมอยู่ตรงยอด เป็นที่น่าอับอายมาตลอดประวัติศาสตร์ของประเทศไอซ์แลนด์และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น "ประตูสู่นรก" ภูเขาไฟแห่งที่สองคุณอาจจะเคยได้ยินชื่อมาแล้ว แม้ว่าคุณอาจจะออกเสียงไม่ได้ นั่นคือเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajökull) ภูเขาไฟนี้โด่งดังเนื่องจากเคยเป็นสาเหตุของการหยุดการเดินทางทางอากาศในยุโรปในปี 2010.
คุณจะได้เข้าพักในใจกลางเมืองเรคยาวิก ก่อนที่จะกลับเข้ามารวมกับกลุ่มในช่วงเย็นเพื่อรับประทานอาหารอร่อยๆร่วมกัน รวมถึงสรุปการเดินทาง และพูดคุยเกี่ยวกับการสรุปเทคนิคเพื่อให้ได้ภาพถ่ายของประเทศไอซ์แลนด์ของคุณให้มากที่สุด.
อ่านเพิ่ม
วัน 14 - เดินทางกลับการเดินทางจบแล้วในวันนี้ เป็นวันที่น่าเศร้าแต่หลังจากอีกหนึ่งอาหารเช้าแสนอร่อยของไอซ์แลนด์ คุณจะได้เดินทางไปยังสนามบินนานาชาติเคฟราวิก พร้อมกับธนาคารแห่งความทรงจำและภาพถ่ายอันน่าอัศจรรย์.
อ่านเพิ่ม
Disclaimer We highly recommend that you get a travel and medical insurance. Your own domestic medical insurance and private health scheme will not cover you whilst you are overseas.
The tour is always dependent on weather, as the Icelandic weather can indeed be highly unpredictable. Likewise, visits to ice caves are dependent on favorable conditions, and indeed the ice caves themselves are not permanent. When it comes to the Northern Lights, while they are most likely to be seen between September and April, there is no guarantee that they will appear on a given day.
Departure Schedule 18 Sep-1 Oct 2023 GUIDED BY VINCENZO MAZZA- 1 spot left
18 Sep-1 Oct 2024