พระอาทิตย์เที่ยงคืนในฟยอร์ดทางตะวันตก | เวิร์คช็อปถ่ายภาพ 11 วัน

 นกพัฟฟินแอตแลนติกเอนไปจูบกัน.
มีแนวโน้มที่จะขายออกเร็ว ๆ นี้
ไม่คิดค่ายกเลิก.
บริการ 24 ชั่วโมง
แผนการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ

คำอธิบาย

สรุป

ทัวร์เริ่มจาก
Reykjavík, Iceland
ระยะเวลา:
11 วัน
Ending place
Reykjavík, Iceland
ความยากลำบาก:
ง่าย
ที่มีอยู่:
มิถุนายน
อายุต่ำสุด:
อายุ 18

คำอธิบาย

ร่วมเดินทางกับไกด์ถ่ายภาพที่ได้รับรางวัลในทัวร์ถ่ายภาพ 11 วันที่น่าประทับใจในฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) รวมทั้งคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes)  ระหว่างเดือนฤดูร้อนที่สดใส.

ทัวร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาแรงบันดาลใจรวมถึงช่างภาพมืออาชีพ และใครก็ตามที่ต้องการที่จะสำรวจความลับที่ถูกซ่อนไว้ในประเทศไอซ์แลนด์.

โดยการใช้เส้นทางที่ไม่ต่อเนื่อง คุณจะได้ถ่ายภาพไม่เพียงแต่พื้นที่ผืนป่าของประเทศไอซ์แลนด์แต่รวมถึงสัตว์ป่าที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ.

ในทางฟยอร์ดทางตะวันตก ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่โดดเดี่ยวที่สุดของไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นที่รู้กับว่าเป็นผืนป่าขนาดใหญ่บริสุทธิ์ ในขณะที่คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสมีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็น "ประเทศไอซ์แลนด์ย่อส่วน" ต้องขอบคุณสำหรับความหลากหลายในสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณนี้.

ช่วงฤดูกาลของพระอาทิตย์เที่ยงคืน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพพื้นที่ที่น่าตื่นตาของประเทศไอซ์แลนด์ คุณจะยังได้ถ่ายภาพฝูงนกจำนวนมากที่กำลังขึ้นบิน รวมถึงนกพัฟฟินที่น่าหลงไหลทำรังอยู่เหนือหน้าผาทะเลลาทราบียอร์ก (Látrabjarg).

ลาทราบียอร์กเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทางนี้ ที่นี่เป็นจุดที่อยู่ตะวันตกสุดของทั้งบนชายฝั่งและภูมิภาคยุโรป คุณจะได้ชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย เช่น ภูเขาที่เหมาะกับการถ่ายภาพที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่า ภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) และน้ำตกดินยานดิ (Dynjandi) ที่กึกก้อง.

เตรียมตัวให้พร้อมกับการเดินทางโดยรถบัสที่สะดวกสบายและพิเศษ ขณะที่คุณวิ่งไล่แสงของฤดูร้อนเหนือถิ่นทุรกันดารที่ยังไม่ถูกทำลายในฟยอร์ดทางตะวันตกพร้อมทั้งฝึกและเพิ่มทักษะการถ่ายภาพของคุณ ตรวจสอบโปรแกรมได้โดยเลือกวันเดินทางของคุณ.

อ่านเพิ่ม

ร่วมด้วย

ไกด์ถ่ายภาพมืออาชีพ
การเดินทางด้วยพาหนะที่สะดวกสบาย
ที่พักในโรงแรมหรือเกสท์เฮ้าส์ ห้องพร้อมห้องน้ำส่วนตัว
อาหารเช้าทุกมื้อ. อาหารเย็นในวันแรกและวันที่ 10

แผนที่

กิจกรรม

ทัวร์ถ่ายรูป
เวิร์คช็อปถ่ายรูป

แผนการเที่ยวรายวัน

วัน 1
การเดินทางของพระอาทิตย์เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงเรคยาวิกของประเทศไอซ์แลนด์.

วัน 1 - เดินทางมาถึงประเทศไอซ์แลนด์

หลังจากที่คุณเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเคฟราวิก (Keflavík) คุณจะได้ใช้บริการรถรับ-ส่งสนามบินเพื่อไปยังโรงแรมในใจกลางเมืองเรคยาวิก (Reykjavík) ข้ามคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) ที่น่าขนลุกในขณะที่คุณเดินทาง. เราจะพบกันที่ล็อบบี้ของโรงแรมเวลาหนึ่งทุ่ม เราจะได้ออกไปรับประทานอาหารร่วมกันในร้านอาหารที่อยู่ใกล้เคียง. ทันทีที่ไปถึงที่นั่น เราจะได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน และพูดคุยเกี่ยวกับตารางการเดินทางสำหรับการผจญภัยถ่ายภาพที่รอคุณอยู่ในไอซ์แลนด์ตะวันตกและในฟยอร์ดทางตะวันตก. อย่างหนึ่งที่แน่นอนว่า ในตอนจบการเดินทางในการถ่ายภาพที่น่าตื่นเต้นครั้งนี้ ทักษะในการถ่ายภาพของคุณจะแข็งแรงขึ้นเป็นสิบเท่า. คุณจะได้ใช้เวลาคืนนี้ในโรงแรมในเมืองเรคยาวิก.
อ่านเพิ่ม
วัน 2
คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสมีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นชายฝั่งที่งดงาม.

วัน 2 - คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

ในวันที่สอง คุณจะได้ถ่ายภาพสถานที่ที่น่ามหัศจรรย์ในคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสในไอซ์แลนด์ตะวันตก รวมถึงหมู่บ้านชาวประมงอาร์นาร์สตาปิ (Arnarstapi), โบสถ์บูดาเคิร์คยา (Búðakirkja), ภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) และชั้นหินโลนตรังการ์ (Lóndrangar). ที่อาร์นาร์สตาปิคุณจะได้ชมชายหาด, หุบเหว, แนวหินบะซอลต์, ถ้ำและการก่อตัวของหินที่น่าหลงไหล ที่มีคลื่นที่รุนแรงในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ. สถานที่ท่องเที่ยวในใจกลางที่นั่นคือ กัทเคลทตูร์ (Gatklettur) ที่เป็นซุ้มหินธรรมชาติ ทุ่งลาวาที่อยู่ใกล้เคียงที่ชื่อว่า เฮลล์นาร์เกริน (Hellnagraun).บูดาเคิร์คยาใกล้ๆกับหมู่บ้านปูดิร์ (Búðir) ขนาดเล็ก เป็นโบสถ์เก่าแก่สีดำที่มีเสน่ห์ ย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 19 แต่ได้รับการปรับปรุงในปี 1980 ที่นี่มีความโดดเด่นและเหมาะแก่การถ่ายภาพเนื่องจากที่นี่อยู่ท่ามกลางทุ่งลาวามอสและล้อมรอบโดยกำแพงหญ้าเก่าแก่ที่มีวงแหวนล้อมรอบด้วยภูเขาที่สวยงาม และที่บริเวณใกล้ๆคุณจะได้เห็นฟาร์มร้างเก่าแก่และที่ไม่ไกลจากนั้นอีกคือหาดทรายสีทองที่หาดูได้ยาก. ถัดจากนั้นคุณจะได้ถ่ายภาพภูเขาเคิร์คจูแฟสที่มีชื่อเสียง ที่เป็นแลนด์มาร์คในหมู่บ้านชาวประมงที่ชื่อว่า กรุนดาร์ฟยอร์ดูร์ (Grundarfjörður) ภูเขาแห่งนี้โด่งดังเนื่องจากมีรูปร่างคล้ายกับพิรามิด และเป็นที่รู้จักเนื่องจากได้ถูกใช้เป็นฉากในซีรี่ส์ช่อง HBO เรื่องมหาศึกชิงบัลลังก์ (Game of Thrones) และมักจะเกิดภาพใหม่ๆในมุมที่แตกต่าง, ทั้งแสงและรูปร่างตั้งตระหง่านอย่างน่าภาคภูมิใจเหนือเมืองและฟยอร์ด. คุณจะได้โอกาศในการถ่ายรูปของน้ำตกที่ไหลลงมา. สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คุณจะได้ชมชั้นหินทะเลโลนตรังการ์ (Londrangar) ที่น่าประทับใจรวมถึงเขาสวาลปูฟา (Svalþúfa) และปล่องภูเขาไฟที่ส่วนใหญ่พังทลาย ที่หน้าผาธูฟูบียอร์ก (Þúfubjarg), คุณจะได้เพลินเพลินกับการชมชีวิตนกในบริเวณนี้ รวมถึงนกพัฟฟิน, นกนางนวล, นกคอมม่อน เมอรร์ (common murres), นกฟูลม่าร์ (northern fulmars). คุณจะเห็นว่าทะเลและลมก่อตัวบริเวณนั้นอย่างไร และออกไปไม่ไกล คุณจะเห็นซากกระท่อมของชาวประมงผู้กล้าต่อกลอนกับพลังธรรมชาติ. คุณจะได้ใช้เวลาคืนนี้ในบริเวณสไนล์แฟลซเนส.
อ่านเพิ่ม
วัน 3
ริมหน้าผาบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส.

วัน 3 - คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสในเชิงลึก

วันที่สามของคุณจะเริ่มต้นโดยการถ่ายภาพหน้าผาทะเลที่ชัน, งดงามและมืดที่ชื่อว่า สวอร์ตูลอฟท์ (Svörtuloft) คลื่นที่นี่เป็นที่รู้กันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศที่มีพายุและเฝ้าดูคลื่นซัดกระทบหน้าผา ทำให้เกิดภาพที่น่าทึ่ง. บริเวณนี้คุณสามารถเห็นซากเรือแตกและมีการสร้างประภาคารแห่งแรกตั้งแต่ปี 1911 ในขณะที่ประภาคารปัจจุบันส่องแสงสีส้มและดูทันสมัยกว่า. เราจะได้ถ่ายภาพน้ำตกที่มีขนาดเล็กแต่มีความสวยงามที่เรียกว่า เคลิคคูฟอสส์ (Klukkufoss) ที่ไหลลงมาตามแนวหินบะซอลต์ลงในแม่น้ำโมดูแลกูร์ (Móðulækur) น้ำตกแห่งนี้มีต้นน้ำอยู่ที่ธารน้ำแข็งสไนล์เฟลส์โจกุลและต้องขอบคุณน้ำตกอีกหลายๆสายที่สามารถพบได้บริเวณนี้เช่นกัน. เราจะใช้เวลาถ่ายภาพและสำรวจความงดงามของชายหาดดยูปาลองส์ซานดูร์ (Djúpalónssandur) ในขอบทางใต้ของคาบสมุทร ภูมิประเทศที่เป็นลาวาขรุขระ ตัดกับก้อนกรวดที่ราบเรียบบนชายหาด. มีทะเลสาบที่งดงามสองแห่งอยู่บริเวณนี้และก้อนหินที่หลากหลายที่เรียกว่า กัทเคลทตูร์ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากสไนล์เฟลส์โจกุล คุณสามารถลองทดสอบพละกำลังของคุณด้วยการลองยกหินฟูลเตอร์กูร์ (Fullterkur), ฮาล์ฟสเตอร์กูร์ (Halfsterkur), ฮาล์ฟแดรททิงกูร์ (Halfdraettingur) และอามโลดิ (Amlodi). ทางเหนือของคาบสมุทร เราจะได้สำรวจผืนป่าและสีสันของทุ่งลาวาเบอร์เซอร์คจาร์เฮริน (Berserkjahraun) ใกล้กับหมู่บ้านบยาร์นาร์เฮิฟ์น (Bjarnarhöfn). เราจะได้ใช้เวลาให้มากขึ้นในการถ่ายภาพภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) ที่น่าประทับใจข้างๆกรุนดาร์ฟยอร์ดูร์ที่อยู่ไกลออกไปอีก. คืนนี้คุณจะได้พักผ่อนในสไนล์แฟลซเนส.
อ่านเพิ่ม
วัน 4
นกพัฟฟินแอตแลนติกกำลังขึ้นบิน.

วัน 4 - นกพัฟฟินในฟยอร์ดทางตะวันตก

ในวันที่สี่คุณจะได้ขึ้นเรือเฟอร์รี่ในฟยอร์ดเบรียดาฟยอดูร์ขนาดใหญ่ ซึ่งได้แยกสไนล์แฟลซเนสและฟยอร์ดทางตะวันตกออกจากกัน ระหว่างทางคุณจะได้เพลิดเพลินกับการชมทิวทัศน์เกาะที่นับไม่ถ้วนของฟอร์ด และภูเขาทั้งสองฝั่งของฟอร์ด. เกาะที่ใหญ่ที่สุดคือ เกาะแฟลทเทย์ (Flatey) ที่ยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ที่มีบ้านเก่าแก่ที่มีเสน่ห์รวมถึงเทือกเขาของนกทะเล เช่น นกพัฟฟิน นกนางแอ่นอาร์ติก นกนางนวล และเหยี่ยวหางขาวตามฤดูกาล. ด้านนอกทะเล คุณอาจจะได้เห็นปลาวาฬและอวนที่ถูกวางไว้จับสัตว์น้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจจะได้เอร็ดอร่อยกับอาหารทะเลสดๆจากทะเลได้ที่นี่. ในฟยอร์ดทางตะวันตก เราจะได้ถ่ายภาพซากเรือเหล็กที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่า การ์ดาร์ บีเอ 64 (Gardar BA 64) ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1912 และทำหน้าที่ล่าวาฬได้เป็นอย่างดีจนกระทั่งถูกปลดออกจากหน้าที่เมื่อปี 1981 และถูกทิ้งไว้ตรงชายฝั่งที่หุบเขาสกาปาดาลูร์ (Skápadalur) เพื่อให้นั่งท่องเที่ยวและช่างภาพได้ชมความน่าเกรงขาม. เราจะได้ถ่ายภาพให้มากขึ้นที่หน้าผานกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และสถานที่ที่อยู่ทางตะวันตกที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ หน้าผาทะเลลาทราบียอร์ก (Látrabjarg) นี้มีความยาว 14 กิโลเมตรและสูง 441 เมตร มีนกหลายล้านตัวอาศัยอยู่ที่นี่ รวมถึงนกพัฟฟิน, นกตระกรุม, นกแกนเน็ตถิ่นเหนือและนกปากแหลม ที่นี่ยังเป็นสถานที่สำหรับทำภารกิจกู้ภัยในตำนานเมื่อปี 1947 เมื่อชาวนาของประเทศไอซ์แลนด์และนักปีนผาได้ช่วยชีวิต 12 นักลากอวนชาวอังกฤษ. ชายหาดตรงหน้าผาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เรยดู์ซานตูร์ (Rauðasandur) ที่แปลว่า "ทรายสีแดง" และเป็นทรายสีแดงอ่อนเกือบชมพูที่หาดูได้ยาก เคยมีการจัดคอนเสิร์ตที่นี่ในช่วงฤดูร้อนเมื่อไม่กี่ปีก่อน. บริเวณนี้ยังเคยเป็นสถานที่ที่มีการฆาตกรรมสจวนดา (Sjöundá) ที่น่าอับอายเมื่อทศวรรษที่ 19 เป็นเรื่องของการนอกใจ ความรักต้องห้ามและอาชญากรรมที่มืดมน ที่ได้ถูกนำไปเขียนเป็นนวนิยายคลาสสิคเรื่อง สวาร์ทฟูคล์ (Svartfugl) หรือในชื่อหน้าผาสีดำ (The Black Cliffs) ในภาษาอังกฤษ โดยนักเขียนชาวไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่า กันนาร์ กันนาร์สสัน (Gunnar Gunnarsson). คุณจะใช้เวลาคืนนี้ในหมู่บ้านเบรดาวิก (Breiðavík) ที่นั่นเราขอแนะนำให้คุณถ่ายภาพโบสถ์และชายฝั่งทะเล กระท่อมชาวประมงที่หลงเหลืออยู่ก็สามารถหาชมได้ที่นี่ ที่เป็นตำนานแห่งชีวิตของสมัยก่อน.
อ่านเพิ่ม
วัน 5
ฟยอร์ดทางตะวันตกเป็นชายฝั่งที่ขรุขระจริงๆ.

วัน 5 - อาร์นาร์ฟยอร์ดูร์ ฟยอร์ด & น้ำตกดินยานดิ

วันนี้เป็นวันที่ห้าสำหรับการผจญภัยถ่ายภาพทางไอซ์แลนด์ตะวันตกนี้ เราจะได้ถ่ายภาพและสำรวจอาร์นาร์ฟยอร์ดูร์ (Arnarfjörður) ฟอร์ดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฟยอร์ดทางตะวันตก และมีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นฟยอร์ดที่งดงามที่สุด เนื่องจากธรรมชาติของที่นี่ ที่มีความหลากหลายและภูเขาขนาดใหญ่ รวมถึงประวัติศาสตร์ของที่นี่และเป็นที่ตั้งของน้ำตกที่งดงามที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์. เราจะหยุดแวะยังหุบเขาเคติดาลิร์ (Ketildalir) ในชายฝั่งทางใต้ของฟยอร์ดเพื่อถ่ายภาพที่สวยงามและชมทัศนียภาพที่งดงาม ที่หนึ่งในหุบเขานี้ที่ชื่อว่า เซลาร์ดาลูร์ (Selárdalur) ที่เป็นบ้านเกิดของนักกวีที่โด่งดัง, นักแปลและนักบวชชื่อว่า โจน ธอร์ลักส์สัน (Jón Þorláksson) ผู้ที่แปลเรื่อง"สวรรค์ลา" (Paradise Lost) ของมิลตัน (Milton), เมสไซยาห์ (Messiah) ของคล๊อปสต๊อค (Klopstock) และบทความแห่งมนุษย์ (Essay on Man) เขียนโดย อเล็กซานเดอร์ โป๊ป (Alexander Pope) เมื่อศตวรรษที่ 18 - 19. ฮีโร่อิสระภาพของประเทศไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่า โจน ซิกูเรอร์สัน (Jón Sigurðsson) เกิดในอาร์นาร์ฟยอร์ดูร์ ในฟาร์มเฮริฟน์เซรี่ (Hrafnseyri) และรูปปั้นของโจน สามารถพบได้ตรงใจกลางของออสเตอร์วอลเลอร์ แสควร์ (Austurvöllur square) ในเมืองเรคยาวิกที่หันหน้าเข้าหารัฐสภา ฟยอร์ดนี้ได้ถูกกล่าวไว้ในนิทานพื้นบ้านว่าเป็นบ้านของสัตว์ประหลาดและนักเวทย์. ที่หุบเขาฟอสส์ดาลูร์ (Fossdalur) เราจะได้แวะที่ฟาร์มฟอสส์และถ่ายภาพน้ำตกเล็กๆที่สวยงามที่เป็นที่มาของชื่อฟาร์ม. สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เราจะได้ถ่ายถาพของน้ำตกดินยานดิ (Dynjandi) น้ำตกที่งดงามและมีพลังงานมากที่สุดในฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) และจริงๆแล้วที่นี่ถือเป็นหนึ่งในน้ำตกที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่น่าตื่นตาที่สุดในบรรดาน้ำตกของประเทศไอซ์แลนด์. ที่นี่มีน้ำตกหลายแห่ง (เจ็ดแห่งด้วยกัน) น้ำที่ตกลงมาเป็นชั้นๆที่ความสูง 100 เมตร ชั้นบนสุดมีรูปร่างทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่โดดเด่นและเป็นส่วนที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุด ประมาณ 30 เมตรตรงยอดและ 60 เมตรที่ด้านล่าง. ชื่อของน้ำตกแห่งนี้แปลได้ว่า "สายฟ้า" ชื่อที่น่าภาคภูมิใจ คืนนี้คุณจะได้พักผ่อนในหมู่บ้านธิงเกย์ริ (Þingeyri).
อ่านเพิ่ม
วัน 6
ฟยอร์ดทางตะวันตกแสดงให้เห็นถึงสถานที่ที่ดีที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์.

วัน 6 - โรงนาที่ถูกทิ้งร้างฟยอร์ดทางตะวันตก

ในวันที่หกเราจะได้เดินทางไกลออกไปยังสถานที่ที่เรายังไม่ได้ไป วันนี้เราจะได้ไปถ่ายภาพของฟาร์มที่ถูกทิ้งร้างที่ทยาลดาเนส (Tjaldanes), หุบเขาสตาปาดาลูร์ (Stapadalur), และโลกินฮัมลาร์ (Lokinhamrar) เรายังจะได้ท่องเที่ยวไปตามภูเขาคลัดบากูร์ (Kaldbakur) ที่ยิ่งใหญ่ ที่เป็นยอดที่สูงสุดของฟยอร์ดทางตะวันตก. ที่นี่เป็นบริเวณที่คุณสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและซาบซึ้งในความงดงามและสงบเงียบของภูเขาสูงและเนินเขาชัน โรงนาที่เก่าแก่หลายหลังและฉากหลังของธรรมชาติที่น่ามหัศจรรย์ทำให้ที่นี่เหมาะแก่การถ่ายภาพมาก เป็นโอกาสที่คุณจะได้ภาพที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับความเงียบและสงบของที่นี่. ความงดงามอีกอย่างหนึ่งของหุบเขานี้ที่คุณจะได้ถ่ายภาพ คือ เคลดูดาลูร์ (Keldudalur) ที่มีสระน้ำที่น่ารักที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของยอดเขาที่น่าประทับใจ ทำให้เกิดองค์ประกอบที่น่าตื่นตา ถนนแห่งนี้อาจจะไม่ได้สะดวกสบายแต่มีทิวทัศน์ที่งดงามทำให้ที่นี่คุ้มค่ามากสำหรับการไปเที่ยวชม นอกจากการท่องเที่ยวแล้วที่นี่ยังเหมาะกับการผจญภัยด้วย. คุณจะได้พักผ่อนคืนนี้ในธิงเกย์ริ.
อ่านเพิ่ม
วัน 7
บ้านหลังคาหญ้าดั้งเดิมของไอซ์แลนด์ในฟยอร์ดทางตะวันตก

วัน 7 - เมืองฟยอร์ดทางตะวันตก & หุบเขา

ในการเดินทางวันที่ 7 เราจะได้ถ่ายภาพทั้งในและรอบๆเมืองโปลุงกาวีค (Bolungarvík) และอีสาฟยอร์ดูร์ (Ísafjörður) รวมถึงหุบเขาที่งดงามสองแห่งที่ชื่อว่า อิงจาลด์ซานดูร์ (Ingjaldssandur) และคอร์ปูดาลูร์ (Korpudalur). เราจะเริ่มต้นด้วยการถ่ายภาพสุนทรียภาพของอีสาฟยอร์ดูร์ ที่เป็นเมืองหลวงของฟยอร์ดทางตะวันตก ที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ ที่มีประชากรประมาณ 2,600 คน ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูง และเป็นหมู่บ้านชาวประมงหลักและเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวในฟยอร์ดทางตะวันตก เมืองนี้มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าประทับใจหลายแห่งและเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยกลางของฟยอร์ดทางตะวันตก กิจกรรมทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจได้ถูกจัดขึ้นที่นี่ด้วย เทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียง "Aldrei fór ég suður" หรือที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า "ฉันไม่เคยไปทางใต้" (I Never Went South) ที่จะเกิดขึ้นในช่วงอีสเตอร์. โปลุงกาวีคอยู่ในทางเหนือสุดและเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในฟยอร์ดทางตะวันตก เช่นเดียวกับการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุด ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งภูเขาขนาดใหญ่ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์การตกปลาแบบเปิดโล่งอีกด้วย. แฟนภาพยนตร์อาจจะจำฉากของเมืองในภาพยนตร์ของประเทศไอซ์แลนด์เรื่อง "โนอิ อัลบิโนอิ" (Nói albínói) ที่ถูกถ่ายทำที่โปลุงกาวีคได้ เราจะยังได้เดินทางไปถ่ายภาพและปีนภูเขาเบลาเฟยืล (Bolafjall) ที่สูงถึง 638 เมตร ที่ภูเขาเบลาเฟยืลเราจะได้ชมทิวทัศน์ที่น่าอัศจรรย์อีกด้วย. เพื่อเป็นการสิ้นสุดวันนี้ เราจะได้ถ่ายภาพทิวทัศน์ที่น่ารักของหมู่บ้านคอร์ปูดาลูร์และอิงจาลด์ซานดูร์ มีโรงแรมขนาดเล็กและสวยงามที่นั่นซึ่งได้ถูกปรับปรุงมาจากโรงนา เช่นเดียวกับทางเดิน, พื้นที่ที่น่าประทับใจและนกมากมาย ทะเลและทะเลสาบสามารถทำให้เกิดเงาสะท้อนที่งดงามสำหรับการถ่ายภาพ และเราขอแนะนำให้คุณถ่ายภาพในช่วงพระอาทิตย์ตกด้วย. การเดินทางไปยังอิงจาลด์ซานดูร์ เราจะต้องไปในเส้นทางภูเขาที่ขรุขระ ไปยังหุบเขาที่เป็นชั้นๆ ที่เปิดโล่งออกไปทางทะเล และมีเพียงฟาร์มแห่งเดียวตั้งอยู่แต่มีแกะเป็นจำนวนมาก ที่นั่นยังมีโบสถ์เล็กที่สวยงาม และยังงานหัตถกรรมท้องถิ่นขายที่นี่ด้วย. เราจะใช้เวลาในคืนนี้ในอีสาฟยอร์ดูร์.
อ่านเพิ่ม
วัน 8
ฟยอร์ดทางตะวันตกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่โดดเดี่ยวที่สุดในทั่วทั้งประเทศไอซ์แลนด์.

วัน 8 - อีสาฟยอร์ดูร์

ในวันนี้เราจะได้สำรวจต่อยังฟยอร์ดขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า อีสาฟยอร์ดูร์จุ๊ป (Ísafjarðardjúp) ที่เป็นที่ตั้งของอีสาฟยอร์ดูร์และโปลุงกาวีค ฟยอร์นี้มีระยะทางที่ยาว 75 กิโลเมตรและอยู่ท่ามกลางฟยอร์ดที่มีขนาดเล็กกว่ามากมาย และทั้งสองที่นี้เป็นเหมือนเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความยาวของที่นี่. นี่คือพื้นที่ที่มีภูเขาสูงชันและลาดชันทอดยาวไปถึงทะเล, เป็นฟยอร์ดลึกและมีหลักฐานของการตั้งถิ่นฐาน ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ค่อนข้างตรงและมีทางเข้าเดียวที่ธารน้ำแข็งแดรงกาโจกุล (Drangajökull). ในทางใต้มี 9 ฟยอร์ด ฟยอร์ดที่มี 3 เกาะ ได้แก่ แอลเด (Æðey), บอร์กาเรย์ (Borgarey) และวิกูร์ (Vigur) คุณอาจจะได้เห็นนกและแมวน้ำจำนวนมากที่นี่ รวมถึงพื่นที่ที่งดงามตระการตา ฟาร์มที่มองดูเหมือนทะเลทรายแต่ยังคงมีเศษซากหลงเหลืออยู่ เป็นประจักษ์พยานในการต่อสู้เพื่อชีวิตของมนุษย์ภายใต้สภาวะที่เลวร้าย หนึ่งในฟยอร์ดที่ชื่อว่าสโกตูฟยอร์ดูร์ (Skötufjörður) คุณสามารถเยี่ยมชมฟาร์มที่ได้รับการบูรณะ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการที่น่าตื่นตาเกี่ยวกับชีวิตของเกษตรกรในสมัยก่อน เราจะยังได้ถ่ายภาพของประภาคารอาร์นาร์เนสไวติ (Arnarnesviti) ที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรระหว่างสโกตูฟยอร์ดูร์ และอัลทาฟยอร์ดูร์ (Álftafjörður). ทัศนียภาพของประภาคารหลังเล็กที่มีสีเหลืองและแดง ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1921 โดยสร้างจากเหล็กหล่อและเหล็ก พร้อมทั้งสังกะสี เช่นเดียวกันประภาคารนี้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพมาก และคุณจะได้ทิวทัศน์จากบริเวณรอบๆด้วย อีสาฟยอร์ดูร์จุ๊ปจะอยู่ในสถานที่ทุกแห่งที่ถูกกำหนดให้ถ่ายภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยมและเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ. คืนนี้คุณจะได้พักในหมู่บ้านฮอลมาวิก ในภูมิภาคสตรานดิร์ ที่นี่เราขอแนะนำให้คุณไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เวทมนตร์และคาถาของไอซ์แลนด์ รวมถึงบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง, อาหารที่มีสเน่ห์ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 และตอนนี้กลายเป็นบ้านกาแฟและบาร์ ที่ดีแห่งหนึ่ง. ประมาณ 12 กิโลเมตรจากหมู่บ้าน เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณ์ที่นักท่องเที่ยวสามารถหาความรู้เกี่ยวกับการทำฟาร์มแกะในประเทศไอซ์แลนด์ที่ผ่านมาในอดีตและเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นที่โรงอาหาร.
อ่านเพิ่ม
วัน 9
ชั้นหินฮวิทแซร์คูร์ที่เป็นแลนด์มาร์คของไอซ์แลนด์เหนือ.

วัน 9 - ชั้นหินฮวิทแซร์คูร์

ในวันที่ 9 เราจะนั่งเรือออกไปจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบที่ชื่อว่า แดรงสเนส ไปยังเกาะเล็กที่ชื่อว่า กริมซี (Grimsey) ไม่ควรสับสนกับชื่อของอีกหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงมากกว่าในวงแหวนอาร์คติก เกาะแห่งนี้มีนกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงนกพัฟฟินและนกทะเลที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพมาก. หลังจากนั้น เราจะได้ถ่ายภาพแนวหินบะซอลต์ฮวิทแซร์คูร์ (Hvítserkur) ที่งดงาม ซึ่งบางคนกล่าวว่ามองดูเหมือนสัตว์ประหลาดในยุคก่อนจากคาบสมุทรวาท์นเนส (Vatnsnes) ที่ได้ชื่อมาจากสีขาวของมูลนก ที่มีอยู่มากมายในบริเวณนี้ เช่น นกทะเล, นกนางนวลและนกนางแอ่น. พระอาทิตย์ยิ่งทำให้พื้นที่บริเวณนี้งดงามยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดิน ที่ได้ส่องแสง สีและเงาให้เกิดความงดงามเฉพาะตัวยิ่งขึ้น. ในขณะที่รูปร่างที่เกิดจากทะเลและลม ในนิทานพื้นบ้านได้กล่าวไว้ว่าเป็นโทรลที่ถูกทำให้กลายเป็นหินโดยพระอาทิตย์ และที่นี่ก็มองดูเหมือนแบบนั้นจริงๆ. เราจะไปชมยังแนวหินบะซอลต์ที่น่ามหัศจรรย์ที่บอร์การ์เวอร์กิ (Borgarvirki) และคาบสมุทรที่ประกอบด้วยภูเขามากมายด้วย. ที่พักของคุณในคืนนี้จะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับฮวิทแซร์คูร์
อ่านเพิ่ม
วัน 10
น้ำตกเฮินฟอซซาร์แปลว่า "น้ำตกลาวา" ในภาษาอังกฤษ.

วัน 10 - น้ำตกเฮินฟอซซาร์ & เดินทางกลับเมืองเรคยาวิก

ในวันนี้เราจะได้ถ่ายภาพหุบเขาลึกโคลูเกลียวฟูร์ (Kolugljufur) ที่งดงามในหุบเขาไวดิดาลูร์ (Vididalur) และน้ำตกที่งดงามมากมาย ที่จริงๆแล้วเป็นที่รู้จักว่าเป็น โคลูฟอสส์ซาร์ (Kolufossar) หุบเขาและน้ำตกที่เป็นความงดงามและน่าตื่นตาเหมาะสำหรับการถ่ายภาพ ที่มีน้ำใสและน้ำตกที่ตัดกับความขรุขระของหุบเขา. ชื่อของน้ำตกมาจากตำนานของยักษ์ที่ชื่ว่า โคล่า (Kola) ที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ที่นี่ เราจะได้ถ่ายภาพที่งดงามของน้ำตกเฮินฟอซซาร์ (Hraunfossar) ในบอร์การ์ฟอย์ดูร์ (Borgarfjörður) ประกอบด้วยแม่น้ำหลายสายไหลมาบริเวณริมทุ่งลาวาฮาลล์มุนตาร์เฮิร์น (Hallmundarhraun) และตกลงไปยังแม่น้ำธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ฮวิทเอา (Hvítá). หลังจากการถ่ายภาพน้ำตกที่งดงามเหล่านี้แล้ว เราจะปิดท้ายการผจญภัยการถ่ายภาพของเราขณะที่เดินทางไปยังเมืองเรคยาวิก ด้วยการร่วมกันรับประทานอาหารเย็นในร้านอาหารท้องถิ่นและกล่าวอำลาซึ่งกันและกัน.
อ่านเพิ่ม
วัน 11
โถงคอนเสิร์ตและศูนย์การประชุมฮาร์ปาในประเทศไอซ์แลนด์.

วัน 11 - วันเดินทางกลับ

ในวันสุดท้ายนี้ คุณจะได้เดินทางไปยังสนามบินนานาชาติเคฟราวิก พร้อมทั้งนำความทรงจำและภาพถ่ายจากการผจญภัยที่ไม่มีวันลืมเลือนนี้กลับไปด้วย. จนกว่าเราจะพบกันใหม่ เราหวังว่าคุณได้มีช่วงเวลาในการถ่ายภาพที่น่ามหัศจรรย์ในฟยอร์ดทางตะวันตกของประเทศไอซ์แลนด์.
อ่านเพิ่ม

สิ่งที่ควรรู้

- เราคือผู้น้ำทัวรท้องถิ่น และ ทราเวลเอเย่น ที่ได้รับหน้าที่จาก คณะกรรมการการท่องเที่ยวของประเทศไอซ์แลนด์

- เราบริการทัวร์ที่มีจำนวนสูงสุดที่ 10-12คน. ด้วยเหตุผลที่คุณจะได้ทำความรู้จักกับไกด์ช่างภาพ และ พื่อที่คุณจะได้เข้าไปยังสถานที่ที่เหมาะแค่สำหรับคนกลุ่มเล็ก.

- แขกของเราจะได้คอลเล็กชั่นวิดีโอกระบวนการพัฒนาการถ่ายภาพจากช่างภาพพ่วงรางวัลของเรา ที่มีมูลค่ามากกว่า $1,500.

- เราบริการแค่โรงแรมที่ดีที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์เท่านั้น.

- ทัวร์ถ่ายรูป และ เวิร์คช๋อปของเราจะนำโดยช่างภาพพร้อมด้วยรางวัล

- เราบริการที่เการองเท้า และ บูทยาง ให้กับแขกทุกคนตลอดทริป

- ขณะออกทัวร์เราจะให้ข้อมูลที่มีค่ากับคุณ และ การอธิบายการถ่ายภาพ และ กระบวนการพัฒนาการถ่ายภาพ

- ไกด์ถ่ายรูปของเราจะคอยช่วยเหลือคุณ เพื่อที่จะให้คุณนำรูปที่สวยงามของไอซ์แลนด์กลับบ้าน

อ่านเพิ่ม

Disclaimer

We highly recommend that you get a travel and medical insurance. Your own domestic medical insurance and private health scheme will not cover you whilst you are overseas.

The tour is always dependent on weather, as the Icelandic weather can indeed be highly unpredictable. Likewise, visits to ice caves are dependent on favorable conditions, and indeed the ice caves themselves are not permanent. When it comes to the Northern Lights, while they are most likely to be seen between September and April, there is no guarantee that they will appear on a given day.

Departure Schedule

26 Jun-6 Jul 2025

รีวิวที่รับรองแล้ว

ทัวร์ที่คล้ายกัน