ทัวร์ถ่ายภาพ 3 วันแบบส่วนตัวในชายฝั่งทางใต้
มีแนวโน้มที่จะขายออกเร็ว ๆ นี้ แผนการเที่ยวรายวัน
วัน 1 - น้ำตกในชายฝั่งทางใต้
รถจะไปรับคุณในตอนเช้าและนำคุณเดินทางไปยังชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ที่เป็นแผ่นดินที่ยืดยาวเต็มไปด้วยภูเขาตระหง่าน, ธารน้ำแข็งที่ส่องประกายและน้ำตกสีเงิน หน้าที่ของคุณในวันนี้ก็คือการถ่ายภาพม่านน้ำที่งดงามเหล่านี้รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ.
สถานที่แรกของคุณ คือ น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) สายน้ำขนาดเล็กของน้ำตกแห่งนี้ตกลงมาจากหน้าผาสูง 60 เมตรเหนือถ้ำด้านล่าง มีทางเดินที่จะนำคุณไปภายในถ้ำด้านหลังม่านน้ำตก ทำให้คุณจะได้ภาพที่น่ามหัศจรรย์จากมุมที่แสนพิเศษนี้.
เดินต่อไปอีกไม่นานคุณจะได้พบกับอัญมณีที่ถูกซ่อนไว้ของชายฝั่งทางใต้ที่ชื่อว่า น้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljúfrabúi) น้ำตกที่มีความสูง 40 เมตรแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลังของหน้าผาขนาดใหญ่ คุณจะต้องเดินผ่านหุบเขาและลุยน้ำตื้น ดังนั้นคุณจะต้องไปลืมที่จะนำเสื้อกันฝน, รองเท้าบูทยาง, และถุงใส่กล้อง.
จากนั้นออกไปยังน้ำตกสโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss) น้ำตกที่งดงามแห่งนี้สูงพอๆกับน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์แต่มีความกว้างกว่ามาก พื้นที่ด้านล่างของน้ำตกเรียบมากทำให้สามารถเดินขึ้นไปยังกำแพงน้ำตกได้ ด้วยลักษณะนี้จะทำให้มีโอกาสได้ภาพถ่ายที่น่ามหัศจรรย์เพื่อที่จะแสดงขนาดของน้ำตก หากคุณต้องการคุณสามารเดินขึ้นไปด้านบนของน้ำตก จากด้านบนนั้นคุณจะได้เห็นภาพที่น่าตื่นตาของมหาสมุทรแอตแลนติก.
สุดท้ายของวันนี้ ไกด์จะนำคุณเดินทางไปยังที่พักของคุณ.
อ่านเพิ่มวัน 2 - ทุ่งลาวาและศูนย์อนุรักษ์สกัฟตาเฟลล์
ในวันนี้คุณจะได้เดินทางตรงไปยังอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ระหว่างทางจะเป็นบริเวณทุ่งลาวาที่ใหญ่ที่สุดในโลก เอลด์เฮิร์น (Eldhraun) หรือทุ่งลาวาไฟ ที่ได้ปกคลุมด้วยหญ้ามอสและไลเคน ที่มีพื้นที่ขนาด 565 ตารางกิโลเมตรและเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าตื่นตาที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์.
พื้นที่นี้เกิดขึ้นระหว่างหนึ่งในการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยถูกบันทึกไว้ และรู้จักกันในชื่อของสคากร์เอาแอลดาร์ (Skaftáreldar) หรือแม่น้ำแห่งไฟสคากร์เอา (Skaftá) การระเบิดของภูเขาไฟครั้งสุดท้ายจากปี 1783 ถึง 1784 และมีผลทำลายพืชผลและการดำรงชีวิต ไม่เพียงแต่เฉพาะใประเทศไอซ์แลนด์แต่เป็นทั้งทวีปยุโรป.
คุณจะได้หยุดที่นี่เพื่อที่จะถ่ายของความมืด, มอสที่ปกคลุมทุ่งลาวาเพื่อที่จะได้เพิ่มความหลากหลายให้กับภาพถ่ายผลงานของคุณ.
ถัดจากนั้นคุณจะได้เข้าไปยังอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ที่นี่คุณจะได้พบกับความน่าตื่นตาของศูนย์อนุรักษ์สกัฟตาเฟลล์ ที่นี่คุณจะได้หยุดเพื่อปีนเขาแบบง่ายๆไปยังน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) หรือน้ำตกสีดำ ที่คุณสามารถถ่ายภาพสีสันที่ตัดกันที่น่าทึ่งระหว่างน้ำสีขาวกับเสาหินบะซอลล์หกเหลี่ยมสีเข้มโดยรอบ ระหว่างทางไปน้ำตกที่งดงามนี้ ยังมีน้ำตกอื่นๆอีก 3 แห่ง ที่คุณสามารถถ่ายภาพได้.
คุณจะจบวันนี้ด้วยการเข้าพักในที่พักบริเวณชายฝั่งทางใต้.
อ่านเพิ่มวัน 3 - ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน
วันนี้คุณจะได้ไปยังทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน และไดมอนด์บีชที่อยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบแห่งนี้ถูกเติมด้วยภูเขาน้ำแข็งที่มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน ที่ได้แตกออกมาจาธารน้ำแข็งที่อยู่ใกล้ๆ ภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้ลอยบนน้ำทะเลสีฟ้าก่อนที่จะจมลงไปในทะเล.
เดินต่อไปไม่นานจะได้พบกับหาดทรายสีดำ ที่ภูเขาน้ำแข็งถูกซัดขึ้นไปบนชายฝั่ง การทำงานร่วมกันของแสง, ทรายสีดำ, น้ำแข็งที่ส่องประกายและแสงสะท้อนของน้ำแข็งกับน้ำทำให้เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพที่น่าทึ่ง.
จากนั้นคุณจะได้ไปท่องเที่ยวยังคาบสมุทรสต๊อคเนสส์ (Stokksnes) เพื่อที่จะได้ถ่ายภาพที่งดงามของภูเขาเวสตราฮอร์นซึ่งมีความสูงถึง 454 เมตรเหนือชายหาดทรายดำ ภูเขานี้มีความสวยงามมาก ทั้งรูปร่างและสภาพทางภูมิศาสตร์และนั่นเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการถ่ายภาพ.
ที่นี่ประกอบด้วยยอดเขาสูงชันหลายแห่ง แต่ยอดเขาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือบรุนน์ฮอร์น (Brunnhorn) ที่โผล่ขึ้นมา เพราะยอดเขานี้ทอดยาวไปทางตะวันออกตรงไปยังทะเล ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ภูเขาแห่งนี้เกิดจากหินพลูโตที่ไม่ได้มีโครงสร้าง, หินอัคนีและหินทรายเกรแวคคีมี (granophyre).
คลื่นที่แรงของมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้ทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่รวมถึงช่วงเวลาเย็น เป็นภาพที่เราจะขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ เนื่องจากดวงอาทิตย์เที่ยงคืนจะส่องสว่างยังพื้นที่ในช่วงฤดูร้อน.
จากนั้นคุณจะได้เดินทางกลับไปยังที่พักในเมืองเรคยาวิก.
อ่านเพิ่ม